ประเทศหนึ่งในโลกที่มีประวัติศาสตร์อันลึกลับและยาวนาน คงไม่มีใครไม่พูดถึงประเทศอียิปต์ ถึงขนาดมีศาสตร์หนึ่งเพิ่มขึ้นมาเรียกว่า Egyptology จนปัจจุบันก็ยังมีการศึกษาและขุดค้นพบสิ่งต่างๆ เพิ่มขึ้นมากมาย ดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่มันก็กระตุ้นต่อมอยากรู้อยากสัมผัสและเก็บอียิปต์ไว้ในลิสต์มาซักพักแล้ว จนกระทั่ง….
Related topics: กดที่ชื่อตอนด้านล่างได้เลยครับ
- ตามฝันตามประวัติศาสตร์…อียิปต์ ตอนที่ 2 : ศิลปะของอียิปต์โบราณ และ Upper Egypt (1)
- ตามฝันตามประวัติศาสตร์…อียิปต์ ตอนที่ 3 : Upper Egypt (จบ)
- อียิปต์ตอนพิเศษ : มัมมี่ชีวิตหลังความตาย
สารบัญ
เกริ่นนำ
ตอนจะเลือกไปอียิปต์ มีคำถามนึงที่แว้บขึ้นมาในสมอง ซึ่งดูเป็นคำถามง่ายมาก คือ อียิปต์อยู่ทวีปอะไร? …. นั่งอึ้งไปซักพัก เอ๊ะ ทำไมเราไม่รู้ 555 ความรู้รอบตัวแย่มากๆ สรุปอยู่ทวีปแอฟริกาครับ
สาเหตุที่ทำให้อยากมาอียิปต์ คือ เวลาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือยุโรป จะต้องมีชิ้นส่วนอารยธรรมของอียิปต์กระจายอยู่ทุกที่ และมีปริมาณมากด้วย โดยเฉพาะที่ Field Museum ของ Chicago และพิพิธภัณฑ์ของ Smithsonian Institutes ใน Washington DC ทำให้คิดว่าอียิปต์ต้องเป็นดินแดนประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่น่าดูและอยากเห็นของจริงๆ ในถิ่นต้นกำเนิดบ้าง
รีรอมาหลายปี เพราะข่าวเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศอียิปต์ จนดูท่าทีว่าคงจะไม่สงบแน่นอน เลยตัดสินใจช่วงที่ข่าวเงียบๆ และดูเพื่อนๆ หลายคนไปกันอย่างปลอดภัย เลยจัดทริปนี้ขึ้นมา โดยควบรวมประเทศจอร์แดนเข้าไปอีกหนึ่งประเทศครับ
วีซ่า
การทำวีซ่า อ่านได้จาก ที่นี่ ครับ
ช่วงเวลาที่ควรไป
- ช่วงที่นิยมไปกันคือ ช่วง ปลายพฤศจิกายน – เมษายน เพราะอากาศกำลังสบาย แต่กลางคืนอาจจะหนาวหน่อย
- ไม่ควรไปช่วงฤดูร้อน คือ ช่วงมิถุนายน – กันยายน เพราะเป็นแถบทะเลทราย จะร้อนทะลุ 40 องศา ถ้าไปช่วงนี้อาจได้เที่ยวแค่ตอนเช้าหรือเย็น กลางวันคงออกไปข้างนอกไม่ไหว
ทริปของผมไปช่วงก้ำกึ่ง คือ ต้นเดือนพฤษภาคม ปี 2017 อุณหภูมิสูงสุดจะอยู่ประมาณ 32-40 องศาแล้วแต่วัน แต่จะไม่เหนอะหนะเหมือนบ้านเรา เพราะอากาศแห้ง แต่ก็ไม่แนะนำครับเพราะที่เที่ยวแต่ละที่เดินเยอะมาก แดดแรง อุณหภูมิขนาดนี้ก็ทำเอาแย่เหมือนกันครับ ควรไปช่วงฤดูหนาวดีกว่า
ไปที่ไหนบ้าง
อียิปต์ 7 วัน (Cairo, Giza, Aswan, Abu Simbel, Luxor) และจอร์แดน 6 วัน (Amman, Petra, Wadi Rum, Dead Sea, Jerash, Ajloun) ตามแผนที่ด้านล่างครับ โดยพาหนะในการเดินทางดูตามในภาพได้เลย
เมืองในอียิปต์ที่ผมได้ไป (เริ่มที่ Cairo และจบที่ Luxor)
- Lower Egypt (อียิปต์ตอนล่าง หรือ อยู่ทางเหนือ) : Cairo เล็กน้อย, Giza, Memphis, Saqqara, และ Dahshur
- Upper Egypt (อียิปต์ตอนบน หรือ อยู่ทางใต้) : Aswan, Abu Simbel และ Luxor
สามารถ download โปรแกรมการเที่ยวคร่าวๆ ของผม (pdf file) เผื่อเก็บเอาไว้เป็นตัวอย่างได้โดย กดที่นี่ ครับ
การเดินทาง
1. เดินทางจากประเทศไทย ~ สายการบินที่ถูกที่สุดและบินตรง คือ Egypt Air ตรงไป Cairo เลยครับ ใช้เวลาประมาณ 9-10 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นสายการบินอื่นจะมีแวะพักอย่างน้อย 1 ที่ ส่วนขากลับไทย ผมบินกลับจาก Amman เมืองหลวงของจอร์แดน จะแวะต่อเครื่องที่ Cairo ก่อนมุ่งสู่ประเทศไทยครับ
2. การเดินทางในอียิปต์
ถ้าเดินทางกันไปเอง แนะนำแบบผสมผสานครับ คือ เดินทางไปเมืองต่างๆ เอง เช่น รถไฟหรือเครื่องบิน แล้วหาซื้อ local tour ไปยังสถานที่เที่ยวต่างๆ ครับ เพราะเขาจะช่วยเรื่องพวกหลอกขายของ ขี่อูฐ ฯลฯ ได้มาก มีรถคอยรับส่ง และมีคนคอยอธิบายจุดสำคัญๆ ให้ทำให้เที่ยวสนุกมากขึ้น
- รถไฟ มีทั้งแบบ รถไฟธรรมดา และ รถไฟนอน (sleeping train)
Tips: ถ้าเดินทางไกลๆ เช่น Cairo-Aswan หรือ Luxor แนะนำรถไฟนอนครับ ข้อดีคือ ถูกกว่าขึ้นเครื่อง, ไม่ต้องเสียค่าโรงแรม และไม่ต้องเสี่ยงกับการโดนเลื่อนหรือยกเลิกเที่ยวบินแบบกระชั้นชิด (เพราะบางเที่ยวคนขึ้นน้อยเลยงดเที่ยวบินซะเลย…) แบบที่ผมโดน (จะเล่าต่อด้านล่าง) ส่วนสภาพรถไฟนอน ผมดูในเวบไซด์ก็ดีนะครับ แต่ผมไม่ได้เห็นของจริง
ส่วนรถไฟธรรมดา ผมใช้บริการ first class จาก Aswan ไป Luxor ราคาไม่แพง ตกประมาณ 100 บาท สภาพรถเก่าพอสมควร เหม็นบุหรี่ ไม่สะอาดแต่ก็ไม่สกปรกครับ
- รถแท็กซี่ ไปที่ไหน จะให้รอรับ หรือไปหลายที่ ได้หมดครับ แต่ต่อรองราคากันดีๆ ครับ
- จ้างรถพร้อมคนขับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแท็กซี่ สามารถไปหาได้แถวนั้นเลยครับ ส่วนใหญ่จะกรูเข้ามาหาเราเอง หรือถ้ารู้ช่องทางติดต่อนักเรียนไทยที่ไปเรียนที่นั่น ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ ผมเคยติดต่อไป แต่เขาใกล้สอบพอดี เลยไม่ได้เจอกัน
- ไปกับทัวร์ ซึ่งมีทั้ง private tour และ group tour สามารถหาได้หลายทางครับ ผมใช้บริการแต่ private tour เพราะมากัน 4 คน ราคาจะถูกลงมาและแพงกว่าเป็น group tour ไม่มาก และเรายังกำหนดโปรแกรมเองได้ด้วย การหาทัวร์ทำได้หลายวิธีครับ เช่น
– ไปเดินหาที่นู่นเลย มีให้เลือกเยอะครับ ซึ่งบางทีราคาก็จะถูกกว่าจองไปก่อนทางออนไลน์ แต่คงต้องระวังโดนหลอกหรือโก่งราคาด้วย
– ติดต่อกับทางโรงแรมให้จัดให้ เพราะโรงแรมหลายที่จะทำทัวร์เอง หรือมี deal กับบริษัททัวร์อยู่แล้ว วิธีนี้ค่อนข้างปลอดภัย อาจติดต่อตั้งแต่ตอนจองโรงแรมหรือไปคุยกันที่นั่นก็ได้ครับ แต่ก็ต้องระบุให้ชัดครับ ว่าราคารวมอะไรบ้าง เช่น ค่าตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ ค่ารถ มีไกด์หรือไม่ หรือให้มาแต่คนขับ ฯลฯ
– หาดูรีวิวตาม tripadvisor แล้วเข้าไปดูข้อมูลทางเวบไซต์เขาก่อนแล้วค่อยเลือกทัวร์ที่เหมาะกับเรา
Tips: เราสามารถจัดโปรแกรมของเราเองได้นะครับ โดยเข้าเวบไซด์เขาแล้วก็ส่งอีเมลไปถามเขาเลย เช่น เรามีกี่คน วันนี้อยากไปไหนบ้าง อยากให้ไปส่งตรงไหน ฯลฯ แล้วให้เขาประเมินราคาส่งกลับมา ซึ่งพวกนี้จะเป็น Private tour แล้วค่อยเทียบราคาและตัดสินใจเลือกอีกทีก็ได้ ทำแบบนี้ดีตรงที่ได้ไปที่ที่อยากไป และที่ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป เวลาก็เหมาะกับเราที่สุดด้วยครับ
- ไม่แนะนำให้เช่ารถขับเอง เพราะดูขับยาก เพราะ สภาพถนน, นิสัยการขับขี่ และเหตุการณ์ไม่สงบ เราจะไม่รู้ว่าตรงไหนไม่ควรขับผ่านบ้าง โดยเฉพาะถ้าเป็นส่วนของทะเลทราย นอกๆ เมือง อันตราย
- เครื่องบิน อาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการเดินทางระหว่างเมืองไกลๆ เช่น Cairo-Aswan, Cairo-Luxor จะประหยัดเวลากว่ารถไฟ (แต่ก็แน่นอน…แพงกว่าด้วย) ผมเลือกการเดินทางในอียิปต์โดยเครื่องบินเป็นส่วนใหญ่ เพราะต้องการประหยัดเวลาและอายุก็เยอะแล้ว (-*-) อยากเดินทางเร็วๆ นอนสบายๆ ในโรงแรม 555 เพราะคิดว่านอนบนรถไฟคงไม่หลับ และพอถึงจุดหมายตอนเช้าก็ต้องออกเที่ยวเลยอาจจะไม่สดชื่น ผมเดินทางรวมทั้งหมด 6 เที่ยวบิน (ทั้งภายในอียิปต์และไปจอร์แดน) กับ Egypt Air ทั้งหมด ราคารวมประมาณ 34,000 บาท (แต่ถูกยกเลิกไป 1 เที่ยวบิน)
แต่…อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจอียิปต์แอร์ โดยเฉพาะถ้าเป็น Domestic flight จะโดนเลื่อนหรือยกเลิกได้ง่ายๆ ถ้าผู้โดยสารในเที่ยวบินนั้นน้อย และเขาจะอีเมลมาบอกเราแค่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนเดินทางเท่านั้นเอง ซึ่งตอนนั้นแผนเที่ยวต่างๆ, โรงแรมและทัวร์ทุกอย่างจองไปหมดแล้ว…เรื่องยุ่งจึงบังเกิด ผมโดนยกเลิกเที่ยวบินจาก Aswan-Abu Simbel เลยต้องหารถเดินทางไปแทน
>>> เสียดายครับ ถ้าใครได้นั่งเครื่องจาก Aswan ไป Abu Simbel เขาว่าให้นั่งทางด้านซ้ายของเครื่องนะครับ จะเห็น Abu Simbel temple ในมุมสูงด้วย
- นั่งเรือล่องแม่น้ำไนล์ (Nile Cruise) เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ และเป็นที่นิยมเหมือนกันครับ มีให้เลือกหลายบริษัทมาก ส่วนใหญ่นิยมเป็นระยะทางสั้นๆ ระหว่าง Aswan, Luxor เขาจะพาจอดไปเที่ยวตามที่ต่างๆ และนอนบนเรือ ใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน แต่ก็มีนั่งจากกรุง Cairo เลยก็มีครับ หรือถ้าไม่อยากนั่งข้ามเมือง ก็มีล่องแม่น้ำไนล์เป็นระยะทางสั้นๆ ในเมือง Aswan หรือ Luxor โดยเรือรับจ้าง หรือไม่ก็ Felucca ก็ได้บรรยากาศดีครับ
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
มีคนถามเข้ามาเยอะเกี่ยวกับโรงแรม ทัวร์และค่าใช้จ่าย เลยเอามาสรุปรวมตามรูปด้านล่างครับ ของผมเน้นสะดวก โรงแรมใกล้ที่เที่ยวในเมืองแบบที่เดินถึง ราคาเลยไม่ได้เป็นแบบประหยัดมาก แต่ก็ถือว่าไม่แพงครับ ลองเอาเป็นตัวเลือกดูครับ
จิปาถะ
- สกุลเงิน : อียิปต์ปอนด์ หรือ EGP >>> ตอนที่ไป (พ.ค. 2017) อัตรา 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับประมาณ 18 EGP (เทียบเป็นเงินไทยก็ 1 EGP เท่ากับประมาณ 2 บาท)
- ปลั๊กไฟ : 220 V ใช้ปลั๊กชนิด C หรือ F
- ถ้าชอบถ่ายรูป และจะเปลี่ยนเลนส์กล้องบ่อยๆ ต้องระวังให้มากครับ เพราะฝุ่นเยอะมาก ผมโดนมาแล้ว ขนาดค่อนข้างระวัง ฝุ่นยังเข้าเต็มเซ็นเซอร์เลย ยิ่งเป่ายิ่งเยอะ ตามรูปด้านล่างเลยครับ ช็อคมาก
ทริปที่เหลืออีกหลายวันเกือบไม่ได้ถ่ายรูปต่อแล้วเพราะสภาพกล้องแบบนี้ ชุดทำความสะอาดก็ไม่ได้เอามา โชคยังเข้าข้างที่มีคนอียิปต์ “หลอก” พาไปหาร้านกล้อง 3 ร้าน แต่ที่ร้านไม่กล้าเช็ดให้ เลยซื้อชุดมาเช็ดเองในราคา 10 USD แต่โดนเจ้าคนที่พาไปหลอกฟันค่าพาไปหาร้านอีก 100 USD แบบหน้าด้านๆ (-*-)! ยังดีที่มันไม่ขโมยกล้องไป (เพราะเอากล้องผมไปถือหลายครั้ง หยิบกลับมาแทบไม่ทัน) สรุปเสียค่าโง่ไป 100 USD แลกกับการได้กลับมาถ่ายรูปอย่างสบายใจ (ไม่รู้เรียกว่าคุ้มดีหรือเปล่า 555)
- ต้องให้ ทิป เสมอ ถ้าบริการอะไรทำเองได้ ไม่อยากให้ทิป เช่น ยกกระเป๋าที่สนามบิน ซึ่งจะมีคนวิ่งเข็นรถมาช่วยยกโดยเราไม่ได้ร้องขอ ให้รีบปฏิเสธ ณ ตอนนั้นเลย ถ้าเขาจับกระเป๋าเราได้แล้ว ก็จบครับ โดนทวงทิปแน่นอน อีกพวกคือ พวกรอหยิบทิชชูให้ในห้องน้ำ
- ระวัง การโกง ทุกรูปแบบ
- ทำตัวเป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ และตาเกือบบอด เพราะแค่ย่างก้าวออกจากโรงแรม ก็จะมีพวกแท็กซี่ รถม้า ขายของ มารุมเกือบตลอดทางก็ว่าได้ ถ้าสนใจหรือตอบ มันจะตามไม่หยุด ไม่ต้องเกรงใจว่าเราจะโดนว่าเพราะไม่พูดด้วย ช่างมันเลยครับ คิดให้เหมือนเสียงนกเสียงกาทั่วไป
- ห้ามหยิบเงินเยอะๆ ให้มันเห็น ไกด์บางคนจะบอกเลยว่าอย่าเปิดกระเป๋าสตางค์ให้เห็น ไม่งั้นตามไม่เลิก และไม่ยอมลดราคาให้
- พวกที่วิ่งเข้ามาขายของ อย่ารับของ ที่คิดว่าจะไม่ซื้อ แม้คิดจะดูเฉยๆ ก็ตาม เพราะมันจะไม่รับคืน และในที่สุดเราก็ต้องจ่ายเงิน
- ต่อรองราคาให้แน่นอนไม่ว่าจะซื้ออะไร หรือใช้บริการอะไร ถ้าเป็นพวกรถม้า รถแท็กซี่นี่ เขาบอกราคาเป็นอียิปต์ปอนด์มาแล้ว ไม่ควรถามต่อว่าเป็นดอลลาร์ราคาเท่าไร หรือหยิบเงินดอลออกมาให้มันเห็นเด็ดขาดนะครับ ไม่อย่างนั้นแล้วพวกนี้จะโขกเอาเงินดอล และจะไม่ยอมรับเงินอียิปต์อีก ต้องปะทะคารมกันซักพัก ถ้าไม่ strong พอก็เสร็จมัน (โดนมาแล้ว)
- ต้องนับเงินทอน “เสมอ”
- ต่อรองราคาเกินครึ่งไว้ก่อนโดยเฉพาะร้านที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว และใจแข็งไว้ ถ้าไม่ให้ลองทำท่าเดินออก หรือเดินหนีไปเรื่อยๆ เดี๋ยวราคาจะลงมาเอง
- ถ้าไม่รู้จะเชื่อใคร เชื่อไกด์และเจ้าหน้าที่โรงแรม ดีที่สุดครับ
จริงๆ เจอแท็กซี่ดีๆ ก็มีครับ แต่เราไม่รู้หรอกว่ามันดีจริงหรือมาตลบหลังเราทีหลัง ระวังไว้ก่อนดีกว่าจะได้ไม่หงุดหงิด เสียบรรยากาศท่องเที่ยวหมด แค่เดินตามมาเป็นพรวน มีเสียง “China?” “Chinese?” “Japanese?” “You know how much” “Hello” “Cheap price” “Taxi?” ก็รำคาญแย่แล้วครับ
แต่ก็ไม่ต้องวิตกเกินไปจนเที่ยวไม่สนุกนะครับ ไม่เหมือนเที่ยวฝั่งยุโรปบางประเทศที่ขโมยกันเป็นอาชีพ ซึ่งผมว่าน่ากลัวกว่าที่นี่ ที่อียิปต์แค่หลอกลวงให้เสียเงินและน่ารำคาญมากกว่า
แต่ก็น่าเสียดายนะครับ ประเทศนี้มีประวัติศาสตร์และที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์มาก แต่คนในชาติทำลายบรรยากาศกันเอง ทั้งสภาพการเมืองในประเทศ การไม่ซื่อสัตย์ต่อนักท่องเที่ยว มันยิ่งซ้ำเติมประเทศให้แย่ลงครับ นักท่องเที่ยวหลายคน (รวมทั้งผม) มาเที่ยวแล้วชอบอียิปต์มากและมากขึ้นกว่าตอนก่อนมาอีก แต่ไม่คิดจะกลับมาเป็นครั้งที่สอง ถึงมีคนดีแทรกตัวอยู่แต่เราได้สัมผัสกับคนเหล่านั้นน้อยมากครับ
เล็กๆ น้อยๆ กับอียิปต์
ปกติไม่ค่อยสนใจประวัติศาสตร์แต่ชอบดูสิ่งที่บอกเล่าของชีวิตความเป็นอยู่ของคนในอดีต (มันดูขัดๆ กันยังไงไม่รู้) ที่อียิปต์ก็เหมือนกันครับ เวลาไปพิพิธภัณฑ์ไหนจะสนใจส่วนที่จัดแสดงเกี่ยวกับอียิปต์เป็นพิเศษ พอจะได้มาที่อียิปต์จริงๆ เลยอ่านเพิ่มเติมบ้าง เพราะถ้าไปเที่ยวที่ไหนแล้วรู้พื้นฐาน background ของที่นั้น น่าจะทำให้เที่ยวสนุกซึมซับบรรยากาศได้มากขึ้นอีกไม่น้อยครับ (อีกอย่างกลัวฟังไกด์ไม่รู้เรื่องด้วยครับ 555)
(ตัวเลขของปีอาจแตกต่างกันไปตามแหล่งข้อมูล และหากมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลใดๆ ขออภัยไว้ก่อนครับ และ comment ได้ครับ)
ยุคแรกของอาณาจักรอียิปต์ (ยุคก่อนราชวงศ์)
อาณาจักรอียิปต์เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ 7,000 ปีก่อนคริสตกาล (B.C.) โดยแบ่งเป็น Upper และ Lower Egypt ส่วน Upper นี่อยู่ทางใต้ครับ เพราะเขาถือตามการไหลของแม่น้ำสายหลักของที่นี่คือ แม่น้ำไนล์ ต้นน้ำอยู่ทางใต้จึงเรียกโซนทางใต้ว่า Upper Egypt และทางเหนือเรียกว่า Lower Egypt โดยในยุคแรกนี้มีเมืองหลวงคือเมือง Memphis
สมัยราชวงศ์
ยุคอียิปต์โบราณหรือ Ancient Egypt เป็นช่วงประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ออกเป็น 3 ยุคใหญ่ๆ ตามรูปด้านล่าง ยุคนี้ King จะถูกเรียกว่าเป็นฟาโรห์ (pharaoh) ซึ่งหมายถึง “Great House” ตลอดเวลา 3,000 ปีของอียิปต์โบราณมีกษัตริย์และฟาโรห์รวมทั้งหมด 31 ราชวงศ์ (dynasties) ซึ่งฟาโรห์ต้องเป็นผู้ชาย แต่มีฟาโรห์ Hatshepsut เป็นฟาโรห์ที่เป็นผู้หญิงคนแรก
1. Old Kingdom (ประมาณ 2575-2510 B.C.)
มีการรวมอียิปต์ทั้งสองดินแดนเข้าด้วยกัน ยังมีเมืองหลวงอยู่ที่ Memphis หลายคนรู้จักยุคนี้เพราะเป็นยุคแห่งการสร้างปิระมิด มีความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน จนปลายยุคมีการแตกแยกและความวุ่นวาย เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นบ่อยครั้งเนื่องจากมีการแทรกแซงการปกครองจากชนชั้นขุนนาง
เหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้ มีการสร้างปิระมิดเพื่อเป็นที่ฝังพระศพและสมบัติต่างๆ ของฟาโรห์ โดยแห่งแรกที่สร้างและเป็นต้นแบบของปิระมิดในยุคต่อๆ มาก็คือ Step Pyramid ที่เมือง Saqqara ซึ่งสร้างโดยฟาโรห์ Djoser และมีการสร้างมหาปิระมิดที่ใหญ่ที่สุด คือ Pyramid of Khufu ที่เมือง Giza
2. Middle Kingdom (ประมาณ 1975-1640 B.C.)
หลังจากความวุ่นวายในครั้งก่อน Mentuhotep II (เมนทูโฮเทป) ได้รวบรวมดินแดนอียิปต์เข้าด้วยกันอีกครั้ง มีการฟื้นฟูการค้าและการปกครอง และอียิปต์โบราณก็กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง
เหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้ Mentuhotep II ได้รวมอียิปต์เข้าไว้ด้วยกันอีกครั้ง และย้ายเมืองหลวงจาก Memphis มาที่ Thebes หรือ Luxor ในปัจจุบัน
3. New Kingdom (ประมาณ 1539-1075 B.C.)
ชื่อของฟาโรห์และเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ เกิดขึ้นในยุคนี้ครับ เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับฟาโรห์ Hatshepsut, สุสาน Tutankhamen เป็นยุคที่มีการขยายอาณาจักรไปยังดินแดนใกล้เคียง
เหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้ Amenhotep IV (Akhenaten) ได้ริเริ่มระบบที่ให้ทุกคนนับถือพระเจ้าองค์เดียว (monotheism) คือ สุริยเทพหรือ Aton แต่ก็ทำได้แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ และเป็นยุคของฟาโรห์ที่เรารู้จักกันดี คือ Tutankhamun กษัตริย์ผู้มีอายุน้อยและครองราชย์แค่เวลาสั้นๆ ไม่ได้มีผลงานอะไรนัก แต่มีชื่อเสียงในปัจจุบันเพราะการค้นพบสุสานที่สมบูรณ์ของพระองค์ในปี 1922 และเป็นยุคของฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์อียิปต์ คือ Ramses II ผู้ทำให้เกิดความก้าวหน้าในด้านต่างๆ กับอียิปต์มากมาย นอกจากนี้ยังมีการสร้างสิ่งก่อสร้างที่สำคัญหลายที่ในช่วง Middle ถึง New Kingdom เช่น Karnak Temple, Luxor Temple และเปลี่ยนการสร้างสุสานของฟาโรห์จากปิระมิดมาเป็นขุดเจาะภูเขาแทน เพื่อป้องการการขโมยทรัพย์สินในสุสาน ซึ่งก็คือ การสร้าง Valley of the King นั่นเอง
อียิปต์ในกาลต่อมา
หลังจากยุคนี้ จะเป็นยุคช่วงต่อที่ 3 ยุคปลาย จนมาถึงยุคสุดท้ายของอียิปต์โบราณ เป็นช่วงที่มีชาวต่างชาติเข้ามารุกรานและปกครองดินแดนต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น กรีก-โรมัน, เปอร์เซีย เป็นต้น จนมาถึงเมื่อ 30 ปีก่อนคริสตกาล ขณะนั้นมีพระนางคลีโอพัตราเป็นราชินีองค์สุดท้าย ก่อนที่จะถูกรุกรานและยึดโดยพวกโรมัน จนพระนางต้องปลงพระชนม์พระองค์เองในที่สุด
สำหรับตอนแรก จะพาไปตามรอยยุค Old Kingdom กันก่อนครับ ซึ่งสถานที่สำคัญๆ ในยุคนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ Lower Egypt ครับ
Lower Egypt (Northern Egypt)
สถานที่สำคัญๆ ทั้งหลายในยุค Old Kingdom จะอยู่ที่ Lower Egypt ซึ่งก็คือ เหล่าปิระมิดทั้งหลาย พอยุคหลังๆ เขาไม่นิยมสร้างปิระมิดกันแล้ว เพราะปิระมิดมักจะถูกรุกรานและขโมยสมบัติต่างๆ ได้โดยง่าย ดังนั้นในยุคต่อๆ มาจึงสร้างสุสานเป็นแบบใต้ดินหรือฝังเข้าไปในภูเขาแทน อย่างที่เราจะเห็นกันที่ Valley of the King ที่ Luxor
ที่พักและการเดินทาง
สามารถเลือกพักได้ที่ Cairo หรือ Giza ก็ได้ครับ ซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลางที่จะไปเที่ยวตามเมืองใกล้ๆ อื่นๆ แบบ one-day trip ได้ เช่น Memphis, Saqqara, Dahshur และ Alexandria
ผมเลือกพักที่ Giza เพราะจุดหมายส่วนใหญ่ไม่ได้เที่ยวใน Cairo จะไปก็แต่พิพิธภัณฑ์อียิปต์ (Egyptian Museum) เท่านั้น แล้วก็เลือกพักโรงแรมที่สามารถเห็นวิวปิระมิดได้ ซึ่งมีอยู่ 4-5 โรงแรม เลือกดูรูปในเว็บจองโรงแรมแล้ว คิดว่าที่ The Guardian Guesthouse น่าจะได้มุมดีที่สุดและราคาก็ไม่แพงด้วย เลยจองที่นี่ครับ และก็ไม่ผิดหวังครับ ได้วิวพาโนรามาดีมาก ได้ดู sound and light show ได้จากดาดฟ้าโรงแรมเลย ไม่ต้องเสียค่าตั๋วเข้าชม อีกโรงแรมนึงที่อยู่ข้างกันด้านซ้ายคือ Pyramids View Inn ผมว่าวิวก็ใกล้เคียงกันครับ แต่จะมีต้นไม้บังหน่อยนึง (ดูจากรูปใน booking.com และ tripadvisor)
วิวที่เห็นจาก Guardian Guesthouse ดูตามรูปด้านล่างเลยครับ ที่มัวๆ นั่นฝุ่นทรายทั้งหมดนะครับ คิดดูเยอะแค่ไหน
ข้อมูลค่าเข้าสถานที่ต่างๆ (ราคาปี 2017)
Memphis
Memphis (เมมฟิส) เป็นเมืองหลวงเก่าของอียิปต์ก่อนจะย้ายไปที่ Thebes (Luxor ในปัจจุบัน) ที่นี่ไม่มีอะไรให้ดูมากนัก มีแค่รูปสลักหินปูนขนาดใหญ่ (มาก) ของฟาโรห์ Ramses II แต่ก็คุ้มค่ามากที่ต้องแวะมาดูครับ สวยมาก
รูปสลักนี้อยู่ที่ Mit Rahina Museum มี Sphinx อยู่บริเวณด้านข้าง และมีรูปสลักของ Ramses II อีกสองอันและสิ่งต่างๆ ที่ถูกค้นพบตั้งแสดงอยู่ที่ลานกว้างข้างพิพิธภัณฑ์
รูปสลักของฟาโรห์ Ramses II ที่เราจะมาดูกัน อยู่ภายในอาคารครับ มีความยาวประมาณ 10 เมตร แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี และไม่สามารถจับตั้งยืนขึ้นได้ จึงวางนอนไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาชมกันจนทุกวันนี้
ทุกตำแหน่งทำขึ้นอย่างละเอียดและสวยงามมากครับ มีชื่อของฟาโรห์สลักอยู่หลายที่ เป็นอักษรของอียิปต์โบราณซึ่งเรียกว่า อักษรเฮียโรกลีฟิค (Hieroglyphics) ในกรอบวงรี ซึ่งรวมเรียกว่า Cartouch (คาร์ทูช) ซึ่งแต่ละรูปไม่เหมือนกัน แสดงให้เห็นถึงฟาโรห์หนึ่งพระองค์นั้นมีหลายชื่อ
Saqqara
Saqqara (ซัคคารา) เป็นเมืองเก่าที่มีความสำคัญ เพราะเป็นที่ตั้งของปิระมิดแห่งแรกของอียิปต์ บางคนก็ไม่เรียกเป็นปิระมิด จะเรียกเป็น Stone monument ที่เป็นต้นแบบของปิระมิดจริงๆ มากกว่า เพราะมีลักษณะเป็นแบบขั้นบันได ไม่ได้เป็นสามเหลี่ยมเรียบๆ แบบที่เราเคยเห็นกัน จึงเรียกว่า Step Pyramid ซึ่งอยู่บริเวณ North Saqqara รอบๆ จะมีสิ่งก่อสร้างหลายอย่างเป็น complex ให้เดินดูโดยรอบ นอกจากปิระมิดนี้แล้ว ยังมีปิระมิดและสิ่งก่อสร้างรายรอบมากมาย ถ้ามีเวลาอาจให้ไกด์พาชมดูครับ แต่ส่วนใหญ่จะมากันแค่ที่ปิระมิดนี้จุดเดียว
การสร้างปิระมิดนี้มีขึ้นด้วยความเชื่อที่ว่า รูปทรงของปิระมิดที่เป็นรูปสามเหลี่ยม จะเป็นเหมือนทางนำฟาโรห์ขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์
Step Pyramid สร้างโดยฟาโรห์ Djoser โดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงสมัยนั้นคือ Imhotep ซึ่งประกอบไปด้วยโครงสร้างเป็นชั้นๆ ทั้งหมด 6 ชั้น โดยจุดประสงค์เดิมของแต่ละชั้นคือจะสร้างเป็นห้องคลุมที่ฝังพระศพและเก็บสมบัติไว้ซึ่งจะเรียกว่า “Mastaba” โดยถือว่า Step Pyramid นี้เป็นต้นแบบของปิระมิด “แท้” ในยุคถัดมา
ภายในปิระมิด
ทางลงจะเป็นอุโมงค์ตามรูป (ในรูปถ่ายย้อนขึ้นมาตอนเดินขึ้น) ระยะทางประมาณ 20 เมตรได้
ผนังในห้องของ Step Pyramid มีภาษาเฮียโรกริฟฟิคสลักอยู่ทุกฝั่ง เป็นบทสวดมนต์ และมีคาร์ทูชชื่อของฟาโรห์ Djoser แทรกอยู่หลายที่
ภายในห้องเก็บมัมมี่ หลังคาจะเป็นรูปดวงดาวในท้องฟ้า และมีโลงพระศพจริงตั้งอยู่ ซึ่งภายในก็มีตัวอักษรเช่นกัน ส่วนมัมมี่ผมคาดว่าน่าจะถูกขโมยไป เพราะไม่เห็นแสดงไว้ที่ Egyptian Museum
ออกมาเดินดูโดยรอบปิระมิด ในส่วนของ Temple Complex
ส่วนของวิหารต่างๆ ที่อยู่ด้านข้าง
มีร่องรอยประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่ภายใน ค่อนข้างสมบูรณ์เลยครับ สีที่เห็นเขาบอกเป็นของดั้งเดิมตั้งแต่หลายพันปีก่อน
Dahshur
Dahshur (ดาชูร์) เป็นเมืองที่ตั้งของปิระมิดที่เก่าแก่ที่สุดนับจากการสร้าง Step Pyramid โดยมีปิรามิดที่สำคัญ 2 แห่ง คือ Bent Pyramid และ Red Pyramid
Bent Pyramid
สร้างในยุคของฟาโรห์ Sneferu สาเหตุที่เรียกแบบนี้ก็ตามชื่อเลยครับ เพราะยอดมันโค้ง ที่เป็นแบบนี้เพราะการออกแบบองศาเริ่มต้นผิดพลาด คือ เริ่มสร้างเอียงประมาณ 54 องศา ทำให้เมื่อสร้างไปครึ่งนึงต้องเปลี่ยนองศาให้แคบลงเหลือประมาณ 43 องศา ไม่งั้นมันจะสูงมากกว่าจะบรรจบกันที่ยอดและไม่มั่นคง ทำให้มันโค้งแบบที่เห็น ทำให้การสร้างปิระมิดอันต่อมา ซึ่งก็คือ Red Pyramid สร้างด้วยความเอียง 43 องศาตั้งแต่เริ่มแรก ที่นี่ตอนนี้เข้าไปข้างในไม่ได้ครับ
ก่อนอื่นขอเอาพงศาวรีของราชวงศ์ที่ 4 มาให้ดูก่อนครับ เพราะปิระมิดที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงหลายแห่งเกิดขึ้นในยุคนี้
Red Pyramid
เป็นปิระมิดที่อยู่ไม่ไกลจากกันนัก ถือเป็นปิระมิดรูปทรงสมบูรณ์อันแรกเลยก็ว่าได้ มีความสูง 105 เมตร สร้างโดยใช้หิน limestone ที่สีออกแดง จึงเป็นที่มาของชื่อปิระมิดอันนี้ จัดเป็นปิระมิดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอียิปต์ ปิระมิดแห่งนี้สร้างโดยฟาโรห์องค์เดียวกับที่สร้าง Bent Pyramid
ภายใน Red Pyramid มีหลังคาของห้องเป็นชั้นๆ ต้องปีนลงอุโมงค์แคบๆ ยาว 20 เมตรกว่าๆ ดูระยะทางสั้นๆ ครับ แต่แค่ลงก็เหนื่อยแฮ่กเลย ขาขึ้นกลับออกมาไม่ต้องพูดถึง…ภายในเขาบอกว่าห้ามถ่ายรูปครับ แต่คนเฝ้าซึ่งเป็นคนท้องถิ่นจะคอยเก็บเงินและให้ถ่ายรูปได้ (ห้ามใช้แฟลช) ไกด์ของผมแนะนำว่าให้คนละไม่เกิน 5 อียิปต์ปอนด์ต่อคน (เตรียมเงินไว้ล่วงหน้า ห้ามหยิบกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินเยอะๆ ข้างในให้คนเฝ้าเห็น ไม่งั้นจะโดนโขกราคาขึ้นไปอีก หลักการนี้ใช้ได้กับทุกสถานการณ์นะครับ)
Giza
เชื่อว่าทุกคนรู้จักอียิปต์ก็เพราะมหาปิรามิดที่เมือง Giza นี้ครับ มีปิรามิดที่ยิ่งใหญ่อยู่ 3 แห่ง คือ The Great Pyramid of Khufu, Pyramid of Khafre และ Pyramid of Menkaure และยังมีอันเล็กๆ น้อยๆ อยู่รายรอบอีกมากมายตามแผนผังด้านล่างครับ
ที่นี่มีอะไรให้ดูเยอะแยะมากครับ ทั้งปิระมิดทั้งหลาย ซึ่งบางอันเปิดให้เข้าไปด้านในได้, ขี่อูฐชมวิวพาโนรามาของทั้งสามปิระมิด, เดินชมใกล้ๆ Sphinx, เข้าพิพิธภัณฑ์เรือเล็กๆ ข้าง Pyramid of Khufu ถ้าจะเอาให้ครบ น่าจะใช้เวลาประมาณวันนึงเลยครับ แต่จริงๆ แค่ครึ่งวันเลือกเฉพาะเดินใกล้ๆ Pyramid of Khufu, ขี่อูฐ และ Sphinx ก็กำลังพอดีครับ แนะนำว่าไม่ต้องเข้าในปิรามิด (ผมก็ไม่ได้เข้า) เพราะต้องปีนช่องแคบๆ และภายในก็เป็นแค่ห้องผนังหินธรรมดา ไม่มีอะไร (ไกด์บอก) ถ้าจะลองเข้าให้เข้าที่ Step Pyramid ที่เดียวก็พอครับ สวยกว่า
The Great Pyramid of Khufu
หรือ Pyramid of Cheops เป็นปิระมิดที่ใหญ่ที่สุด มีความสูงถึง 146.5 เมตร แต่ปัจจุบันส่วนยอดพังลงมาเล็กน้อย จึงเหลือความสูงแค่ 138.8 เมตร และฐานแต่ละด้านกว้างถึง 230 เมตร สร้างโดยฟาโรห์ Khufu สร้างจากหินแกรนิตและหินปูนขนาดใหญ่ จัดเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ใครๆ ก็อยากมาเห็นกับตา
อาคารเล็กๆ สีขาวๆ ด้านข้างในรูป คือ พิพิธภัณฑ์เรือที่ถูกขุดค้นพบ ส่วนโครงที่เห็นตรงยอด แสดงให้เห็นถึงความสูงจริงก่อนที่หินปูนด้านบนจะพังลงมาจนเหลือความสูงแค่ 138 เมตร (แต่ก็ยังเป็นปิระมิดที่สูงที่สุดในโลกอยู่ดี)
บรรยากาศจากทางเข้าฝั่งที่ใกล้ Pyramid of Khufu จะมีทั้งรถม้า อูฐให้ขึ้น อย่าถ่ายรูปไม่ระวังนะครับ เดี๋ยวจะโดนเรียกเก็บเงินค่าถ่ายรูป
หินแต่ละก้อนใหญ่มากครับ ความสูงพอๆ กับคนยืนเลย ลองดูรูปด้านล่างเทียบขนาดคนกับหินแต่ละก้อนดู
ภายในปิระมิดมี 3 ห้องใหญ่ๆ (chamber) คือ King’s chamber, Queen’s chamber และ Unfinished Chamber ตามรูปด้านล่าง มหัศจรรย์มาก ไม่รู้สร้างกันได้อย่างไร แต่ผมไม่ได้ปีนเข้าไปดูภายในครับ (เสียค่าเข้าเพิ่ม) ไกด์บอกเป็นรูแคบๆ เหมือนที่เราเข้าไปใน Step Pyramid และต้องไต่ขึ้นไปถึง 90 เมตร และภายในเป็นห้องกำแพงหินเฉยๆ ไม่ได้ตกแต่งอะไร
Pyramid of Khafre
มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง โดยมีความสูง 136.4 เมตร และฐานกว้าง 215.5 เมตร โดยใช้เป็นสุสานของฟาโรห์ Khafre (Chefren) หลายคนคงจะเห็นปิระมิดนี้บ่อยๆ เพราะอยู่เป็นฉากหลังของ Sphinx ได้เหมาะเจาะพอดีเลย บนส่วนยอดจะเห็นคลุมด้วยหินปูน (limestone) ลักษณะคล้ายหมวกคลุมอยู่
Pyramid of Menkaure
มีขนาดเล็กที่สุดในสามปิระมิดใหญ่ในแถบ Giza มีความสูง 61 เมตร และฐานกว้าง 108.5 เมตร สร้างเพื่อเป็นสุสานของฟาโรห์ Menkaure
จุดชมวิวพาโนรามา
1. จุดชมวิวโดยทางรถ ไม่รู้อยู่ตรงไหนครับ ไกด์พามา เห็นวิวเมืองเป็นฉากหลังลิบๆ ด้วย สวยดีครับ
2. วิวจากโรงแรม Guardian Guesthouse
3. การขี่อูฐ กลุ่มผมเสียค่าขี่อูฐคนละ 10 USD โดยไกด์ต่อรองให้ แต่ก็อย่างที่หลายๆ คนเตือนไว้ครับ หลายคนตอนลงอูฐโดนบังคับให้จ่ายเพิ่มอีก แต่ถ้ามีไกด์ไปด้วยไกด์จะสามารถช่วยเจรจาได้ครับ
วิวตอนขี่อูฐ เห็นแว้บๆ ว่าสวยมากครับ 555 ที่เห็นแว้บๆ เพราะกลัวตกอูฐมาก ใจนึงก็อยากถ่ายรูป อีกใจก็กลัวตก ทุลักทุเลอยู่ซักพักกว่าจะเริ่มคุ้นและได้ดูวิวรอบตัว รู้ตัวอีกทีมาอยู่ตรงวิวมหาชนแล้ว
เด็กน้อยที่จูงอูฐถ่ายรูปผมกับปิระ “มิด” …. บังมิดเลย (เซ็งเล็กน้อย)
The Sphinx
เป็นรูปสลักหินที่ทุกคนต้องรู้จัก มีศีรษะเป็นมนุษย์และลำตัวเป็นสิงโต ตัว Sphinx นี้ได้รับการบูรณะมาหลายครับ จะเห็นว่าด้านล่างเป็นหินที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่บริเวณศีรษะยังเห็นร่องรอยของความเก่าแก่อยู่ครับ มีคราบสีให้เห็นเป็นเงาลางๆ ทำให้เชื่อว่าเมื่อก่อน Sphinx นั้นทาด้วยสีแดง
สังเกตดูสีที่หัวและตัวไม่เท่ากันนี่ไม่รู้เพราะเดิมส่วนลำตัวจมอยู่ใต้ทะเลทรายมานานเลยทำให้ดูใหม่กว่า หรือเป็นเพราะการบูรณะกันแน่ แต่ส่วนฐานน่าจะเป็นเพราะการบูรณะเพราะเป็นหินเรียบๆ ใหม่ๆ
ส่วนตรงจมูกหักไป บ้างก็เล่าว่าเกิดจากทหารของนโปเลียนใช้เป็นเป้าฝึกยิงปืน
และเคราของ Sphinx ที่หักพังลงมาถูกจัดแสดงไว้ที่ British Museum ที่ประเทศอังกฤษ
Sound and Light Show
ที่ Giza ยังมีอีกอย่างที่น่าสนใจครับ คือการแสดงแสงสีเสียงบริเวณมหาปิรามิดทั้งสาม โดยจุดแสดงอยู่ตรงบริเวณหน้า Sphinx ดูรายละเอียดได้ ตามลิงค์นี้ ครับ โดยมีการแสดงทุกวัน รอบแรก (ภาษาอังกฤษ) เริ่มเวลา 19.00 หรือ 19.30 น. แล้วแต่ฤดู เสียค่าเข้าเพิ่มครับ
Tips: ถ้าจองโรงแรมใกล้ๆ ปิระมิด สามารถดูได้จากดาดฟ้าโรงแรมเลยครับ (ฟรี) แนะนำ The Guardian Guesthouse ครับ ผมว่าวิวดีที่สุดแล้ว เห็นวิวมุมกว้าง ไม่ค่อยมีอะไรบัง เสียงชัดเจน แต่อาจจะมองจอภาพไม่เห็นแต่ไม่เป็นปัญหาครับ
ปิดท้ายด้วยวิวพระอาทิตย์ตกก่อนดู Sound and Light Show ครับ (ถ่ายจากโรงแรมอีกเช่นเคยครับ คุ้มมาก 555)
Egyptian Museum
เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดไม่ใหญ่ แต่เก็บรวบรวมสิ่งของที่ขุดค้นพบไว้มากมายหลายแสนชิ้น น่าเสียดายที่ก่อนจะมีการสร้างพิพิธภัณฑ์นี้ สิ่งของสำคัญๆ มากมายโดนกระจายไปที่ต่างๆ ทั่วมุมโลกซะเยอะแล้วครับ จะเห็นได้จากเวลาไปพิพิธภัณฑ์ไหนของโลกไม่ว่าจะที่อเมริกา หรือยุโรป จะมีสิ่งของจากอียิปต์จัดแสดงมากมายเลย และอีกอย่างการจัดแสดงของที่ Egyptian Museum นี้ ยังไม่ค่อยเป็นระบบระเบียบนักเพราะของเยอะมากแต่สถานที่แคบ เห็นว่ากำลังมีการสร้างพิพิธภัณฑ์ที่ใหม่อยู่แต่ก็ชะงักไปด้วยเหตุอะไรไม่ทราบเหมือนกัน
ที่นี่แบ่งโซนคร่าวๆ ตามยุคของอียิปต์โบราณ ถ้าจะถ่ายรูปต้องเสียเงินเพิ่มครับ (50 อียิปต์ปอนด์) แต่มี 2 ห้องพิเศษ คือ ห้องแสดงหน้ากากทองคำของฟาโรห์ Tutankhamun (ห้ามถ่ายรูป) และห้อง Royal Mummies (เสียค่าเข้าเพิ่มและห้ามถ่ายรูป)
เดินเข้าไปจะเจอแผ่นหินชิ้นสำคัญของประวัติศาสตร์อียิปต์ คือ The Narmer Plate ซึ่งเป็นของกษัตริย์ Narmer (Menes) ผู้รวมอียิปต์บนและล่างเข้าด้วยกันและเริ่มต้นยุคราชวงค์ ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของประวัติศาสตร์อียิปต์ รูปด้านล่างเอามาจากอินเตอร์เนตครับ เพราะถ่ายจริงเป็นเงากระจกดูลายไม่ออกเลย
ถ้ามีเวลาหน่อย ค่อยๆ เดินดูใช้เวลาวันนึงน่าจะกำลังดีครับ แต่ถ้าไม่ได้อินมาก เดินดูที่สำคัญๆ ก็ครึ่งวันพอครับ
ชั้นพื้นดิน
แสดงสิ่งของ รูปสลักที่สำคัญของอียิปต์โบราณยุคต่างๆ
รูปสลักด้านล่างนี้พบใน Tomb of Noble ที่ Luxor เห็นถึงผู้ชายซึ่งน่าจะเป็นคนแคระเพราะมีขาสั้น และมีผู้คนรอบข้างคอยดูแลช่วยเหลือ ทั้งภรรยาและเด็กซึ่งมายืนเป็นเสมือน ขาของผู้ชาย
ฟาโรห์ที่มีบทบาทสำคัญในยุค Old Kingdom
ฟาโรห์ Khufu รูปสลักเล็กจิ๋วขนาดแค่ 7.5 เซนติเมตร
รูปสลักด้านล่างทำจากไม้ เชื่อว่าเป็นผู้นำของเมืองหรือหมู่บ้าน สร้างขึ้นในยุคของราชวงศ์ที่ 4-5 สังเกตที่ตาของรูป ทำมาจากหิน ให้รายละเอียดได้เหมือนจริงมาก เห็นทั้งม่านตาและรูม่านตาชัดเจน
รูปด้านล่างเป็น Mentuhotep II ฟาโรห์องค์แรกของยุค Middle Kingdom
Hatshepsut ฟาโรห์ผู้หญิงองค์แรกของอียิปต์โบราณ สร้างจากหินปูนและลงสี
ชั้นบน
เดินขึ้นมาชั้นบนทางบันไดเบอร์ 1 ในแผนผังด้านล่าง ส่วนใหญ่ของที่แสดงในชั้นนี้เป็นสิ่งของที่ขุดค้นพบจากสุสานของ Tutankhamun และมัมมี่ต่างๆ
แผนผังสุสาน Tutankhamun ที่ Valley of the Kings และห้องที่บรรจุโลงพระศพ (Coffin chamber) เป็นหีบขนาดใหญ่หลายชั้น
สมบัติต่างๆ ที่ค้นพบในสุสาน Tutankhamun มี Anubis ซึ่งมีรูปร่างเป็นหมาไน (Jackal) เฝ้าอยู่ โดยสภาพของสุสานที่พบแสดงในรูปด้านล่าง และของส่วนใหญ่ก็ถูกนำมาแสดงไว้ที่นี่ครับ
Tutankhamun Galleries
ส่วนนี้ห้ามถ่ายรูปครับ มีสิ่งของเครื่องประดับมากมายที่ขุดค้นพบจากสุสาน Tutankhamun ใน Valley of the King ชิ้นที่เป็นไฮไลท์ที่สุดเห็นจะเป็นหน้ากากทองคำและโลงพระศพของฟาโรห์ Tutankhamun ครับ ของจริงสวยมากๆๆๆ ครับ เดินวนอยู่รอบตู้กระจกหลายรอบมาก (คนเฝ้าคงคิดว่าบ้า 555) ภาพด้านล่างเอามาจากอินเตอร์เนตครับ
ภาพการขุดค้นพบสุสานของฟาโรห์ Tutankhamun ในปี ค.ศ. 1922 โดย Howard Cater
โลงพระศพที่ถูกจัดแสดงไว้ สวยงามละเอียดมากครับ ของจริงไม่ให้ถ่ายรูป แต่มีของจำลองอยู่ที่ร้านขายของที่ระลึก เลยถ่ายมาให้ดูกัน โดยโลงจริงจะมีทั้งหมด 3 ชั้น จัดแสดงไว้ที่นี่ 2 ชั้น ส่วนอีกชั้นนึงแสดงไว้ที่สุสานของ Tutankhamun ใน Valley of the Kings
Royal Mummies Gallery
เป็นอีกส่วนที่น่าสนใจครับ แต่ต้องเสียค่าเข้าเพิ่ม 100 อียิปต์ปอนด์ ในนี้ห้ามถ่ายรูปเช่นกันครับ จัดแสดงเกี่ยวกับวิธีการทำมัมมี่สั้นๆ และที่เป็นไฮไลท์คงจะเป็นร่างมัมมี่ของเหล่าฟาโรห์ที่ยังหลงเหลือไม่ถูกขโมยไปจากสุสาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฟาโรห์ในยุค New Kingdom เช่น Hatshepsut, Ramses II, Seti I เป็นต้นครับ เดินดูห้องนี้ให้ความรู้สึกอัศจรรย์มากครับที่ตรงหน้าเรามีร่างของฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่สมัยอียิปต์โบราณอยู่ ส่วนมัมมี่ของ Tutankhamun ถูกจัดแสดงไว้ที่ Valley of the King ครับ
เขาทำเป็นมัมมี่เพราะความเชื่อเรื่องชีวิตหลังการตาย เชื่อว่าวิญญาณสามารถกลับมาเข้าร่างได้ จึงต้องรักษาสภาพร่างกายไว้ในรูปแบบของมัมมี่ครับ
ส่วนจัดแสดงอื่นๆ ในชั้นบนนี้เป็นพวกมัมมี่ หน้ากากมัมมี่และรูปสลักเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ
ปิดท้าย Lower Egypt ดินแดนสำคัญของยุค Old Kingdom ด้วย Museum Store ครับ ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนรักอียิปต์เลยครับ ถ้าได้เที่ยวทุกที่ทั้งปิระมิด วิหารต่างๆ แล้วมาที่นี่ จะเห็นภาพรวมและ “ฟิน” อย่างมากครับ โดยเฉพาะ Royal Mummies Gallery
แต่…อียิปต์ไม่ได้มีแค่ปิระมิดครับ อียิปต์บน (หรืออียิปต์ตอนล่าง) มีสิ่งมหัศจรรย์และสวยงามไม่แพ้กันเลยครับ (ผมว่าสวยกว่าปิระมิดอีกครับ) ติดตามดูในกระทู้ต่อไปครับ
ชอบเรื่องราวของฟาโรห์ และมัมมี่ แค่อ่านยังขนลุก
เขียนดีมากๆอ่ะ ยิบๆ ทำเป็นวิทยานิพนธ์ขอ ศ.ได้เลย
ต้องหาโอกาสไปเห็นของจริง ในสถานที่จริงครับ สุดยอด
แวะเข้ามาเที่ยวอียิปต์ค่ะ แพลนจะไปเม.ย. 61 เล่าได้ละเอียดและน่าสนใจมากค่ะ ชอบมาก
ขอบคุณครับ เที่ยวให้สนุกครับ
พี่ครับ รบกวนขอเวปจองตั๋วเครื่องบินภายใน กับเวปจองรถไฟหน่อยได้ป่าวครับ
เวบจองตั๋วเครื่องบิน เข้าไปจองโดยตรงที่เวบของ egyptair ได้เลยครับ ส่วนตั๋วรถไฟเข้า https://enr.gov.eg/ticketing/public/login.jsf หรืออ่านคำแนะนำต่างๆ ได้จาก https://www.seat61.com/Egypt.htm ครับ
ขอบคุณมากเลยนะครับพี่ เดี๋ยวอาจจะต้องรบกวนอีกครับ
^_^
ยินดีครับ
กำลังหาข้อมูล Private Tour ที่ Egypt ค่ะ รบกวนสอบถามชื่อบริษัทที่ใช้บริการได้มั๊ยคะ ราคาต่อคนประมาณเท่าไหร่คะ สายการบินที่ใช้ระหว่าง Cairo กับ Amman, Jordan ใช้เจ้าไหนดีคะ ขอบคุณค่ะ
ทัวร์และราคาทัวร์ตามรูปด้านล่างเลยครับ
/Users/Home/Desktop/Screen Shot 2561-01-25 at 12.40.02.png
*ใส่รูปไม่ได้ รบกวนขออีเมลได้ไหมครับ เดี๋ยวส่งให้ทางอีเมล
ภายในประเทศแนะนำของ Egypt air ครับ ดีไม่มีปัญหาเลย ส่วนไปจอร์แดน ผมก็ใช้ Egypt air เหมือนกัน
Update ข้อมูลในเนื้อหา ใส่รายการทัวร์ โรงแรมและค่าใช้จ่ายลงให้แล้วครับ เลื่อนขึ้นไปดูได้เลย
อ่านแล้วทำให้อยากไปมากกว่าเดิมอีกค่ะ เขียนระเอียดและสนุกดีค่ะ รบกวนสอบถามราคาทัวร์ในอิยิปต์ได้ไหมค่ะ กำลังวางแผนว่าจะไปช่วงปลายปี ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ ^^ ผมเพิ่มรูปสรุปรายการทัวร์ โรงแรมและค่าใช้จ่ายให้ในบทความด้านบนแล้วครับ เลื่อนขึ้นไปดูได้เลยครับ เพราะมีคนถามมาเยอะแต่ใน comment ใส่รูปไม่ได้
น้องพอจะมีสถานที่หรือที่ติดต่อนักเรียนไทยในอียิปต์บ้างไหมคะ เพราะพี่จะไปกัน 2 คนกับลูกสาว
ไม่มีข้อมูลเลยครับ