หลังจากเกริ่นนำไปแล้ว เริ่มออกเดินทางแบบทวนเข็มนาฬิกาไปกันที่ Golden Circle กันก่อนครับ
….
สารบัญ
แตกประเด็นก่อนเริ่มเดินทาง
เรื่องเล่าไร้สาระ: เที่ยวทั้งทีต้องเตรียมตัวให้พร้อม ขอบอก…พร้อมมาก‼️
🌺 กล้องคู่ใจ 📷 จัดกระเป๋ากล้อง เตรียมแบต เตรียม ND filter (เอาไว้ถ่ายน้ำตกไหลเป็นเส้นฟุ้ง ๆ เพราะที่นี่น้ำตกเยอะมากกก) เตรียมโดรน นู่นนี่นั่นหลายชั่วโมง (จัดเสื้อผ้าแค่ครึ่งชั่วโมง) แต่….มัวแต่เปลี่ยนกระเป๋ากล้องไป ๆ มา ๆ (เพราะใส่ไม่พอ) สรุป ลืมแบตกล้อง‼️ ลืมฟิลเตอร์‼️ ลืมไว้ในกระเป๋ากล้องที่เปลี่ยนไป ๆ มา ๆ นั่นแหละ (สมน้ำหน้าตัวเอง) คนชอบถ่ายรูปคงรู้ว่าการลืมแบตกล้องมันเป็นหายนะขนาดไหน ยังดีที่มีแบตติดกล้องไว้ก้อนนึง แต่เจ้า Canon RP นี่แบตหมดเร็วมาก สุดท้ายได้แต่นั่งตาปริบๆ มองคนอื่นถ่ายรูปไป กะหยิบ Oppo มาถ่ายแก้ขัด แต่ก็ดีนะมีฟังก์ชัน long exposure เลยได้น้ำตกไหลฟุ้งๆ มาปลอบใจบ้าง ถึงจะไม่ได้ชัดกริบ แต่ก็เอาวะ ดีกว่าไม่มีอะไรถ่าย เที่ยวรอบนี้เลยไม่ต้องเลือกรูปมาก เพราะไม่มีให้เลือก‼️ (น้ำตาไหลเป็นน้ำตกไอซ์แลนด์ 😭) ปล. แบต Oppo อึดกว่า RP อีกอ่ะ
🌺 บ่นเรื่องกล้องแล้วก็บ่นต่อให้สุด ความ fail ยังไม่หมด ตอนหยิบเลนส์ซูม (Tamron 70-300) มาจะถ่าย glacier ก็พบว่า…ลืม mount adapter‼️ วินาทีนั้นเนี่ย แทบจะเขวี้ยงกล้องทิ้ง (เพราะอุตส่าห์แบกเลนส์นี้มาเพราะจะถ่ายพัฟฟิน) แต่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาก็พบว่า…mount นั้นติดอยู่กับเลนส์ไวด์ที่เอามาอยู่แล้ว เลยยิ้มออก (แต่ก็อนาถตัวเอง 😓 ว่าทำไมถึงจำไม่ได้นะว่าเลนส์ไวด์ของตัวเองมันติดอยู่กับ mount อยู่แล้ว 🤣)
🌺 ไม่เคยเข็ดกะโดรน 🚀 คือ ซื้อมาขายไปสองรอบละ ยังไม่เข็ด เพราะไปเที่ยวกี่ที่ๆ ทั้งนิวซีแลนด์ ฮาวาย อุตส่าห์แบกไป แต่ใช้ไม่คุ้มเลยยย บินไปทริปละไม่เกินสิบนาที แถมไม่ได้รูปอีก (ดีนะซื้อมือสองมา ขายขาดทุนไม่มาก) ข้ออ้าง คือ ❌ ที่เที่ยวเจ๋งๆ ส่วนใหญ่ห้ามบินโดรน…จบไป เราก็กลัวไม่กล้าฝ่าฝืน ❌ ลมไอซ์แลนด์แรงเวอร์ โดรนเราก็รุ่นเล็ก จะปลิวไหมหว่า ❌ บินไม่คล่อง (แล้วก็ยังไม่ฝึกอีก แบบนี้จะโทษฟ้าโทษดินได้ไง?) งงทิศทาง ปกติไม่ถนัดเล่นเกมส์ บังคับจอยสติ๊กแล้วงงทุกที ❌ กลัวความสูง‼️ หลายคนคิดว่าเกี่ยวยังไง…คนอื่นคงไม่เป็นปัญหา แต่ผมเป็น ลองดูหลายทีละ ยิ่งบินสูง ใจยิ่งสั่น มือก็สั่น ยิ่งโดรนลับตาไป เหมือนอาการแพนิคกำเริบ หายใจไม่ออก 🤣 ต้องรีบเอาลง (นี่แค่มองวิวในจอนะ เหมือนตัวเองบินขึ้นไปด้วย) ยิ่งบินเหนือหน้าผา ไม่ต้องพูดถึง สั่นผับๆๆ (แต่ต้องทำหน้านิ่งไว้ 😓) สรุปกลับถึงไทยรอบนี้ ขายเรียบร้อย นี่ตัวที่สามละ คิดว่าคงไม่มีตัวที่สี่อีก (คิดแบบนี้ทุกครั้งที่ขาย 555)
🌺 เสื้อกันหนาวพร้อม🧥 แต่…โควิดทำพิษ (โทษฟ้าโทษดินอีกละ) เพราะเสื้อถูกทิ้งไว้ในตู้อบอ้าวเฉยๆ 3 ปี ไม่ได้เช็คก่อน พอไปถึงก็พบว่าพลาสติกในเสื้อตัวนอกแตกกรอบรุ่ย หลุดออกมาเป็นน้ำตาลไอซิ่ง สรุปได้ใส่อยู่สองวัน นอกนั้นทนหนาวด้วยเสื้อตัวในตัวเดียว 😭
🌺 รองเท้าพร้อม 👞 ที่นี่เดินเยอะ ต้องรองเท้า trekking…พร้อม 👍 แต่รองเท้าก็ 7 ปีมาแล้ว 555 แค่ลงแท็กซี่ที่สุวรรณภูมิ พื้นรองเท้าหลุด‼️ ออกมาทั้งแผง ทั้งสองข้าง จะเป็นลม ต้องไปวิ่งหาซื้อใหม่ที่อัมสเตอร์ดัม เกือบวิ่งมาขึ้นเครื่องไม่ทัน…เซ็งมาก
🌺 เที่ยวกับทัวร์ไหม ไม่‼️ เพราะงก กับไม่ชอบไปกับคนเยอะๆ ที่ไม่รู้จัก (สาย antisocial คงเข้าใจ ไม่งั้นก็ต้อง private tour แต่ก็วนกลับไปเหตุผลที่ 1…งก) เลยต้องเตรียมตัวหนักหน่อย เพราะเวลาเที่ยวก็น้อยเหมือนที่บ่นไปแล้วเมื่อ EP ก่อน (มนุษย์เงินเดือน ลานานจะอดเอา) แต่ก็โลภอยากเที่ยวให้ครบด้วย และการแพลนเที่ยวไอซ์แลนด์นี่ไม่ง่ายเลย
🌺 แล้วทำแพลนยังไง ✏️คนรีวิวฤดูร้อนค่อนข้างน้อย เลยยิ่งไม่แน่ใจว่าไอ้ที่แพลนไว้เนี่ย จะไปรอดไหม เพราะจุดแวะหลายที่มากกก มีแต่คนบอกรอบเกาะ 8 วันไม่พอๆๆๆๆๆ ✏️ สถานที่เป็นภาษาไอซ์แลนด์นี่…อ่านไม่ออก คือถ้าอ่านไม่ออกมันยิ่งทำให้แพลนยากมาก เพราะจำไม่ได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาทีนึงที่ฮาวาย นั่นก็เยิน อ่านซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่รอบ สุดท้าย…อย่าถามว่าที่นี่ชื่ออะไร จนตอนนี้ก็อ่านไม่ออกอยู่ดี สุดท้ายก็ลิสต์ๆ ไว้ แล้วมานั่งกด google map ทีละจุดอย่างใจเย็น (อย่าถามว่างานการได้ทำไหม⁉️ ทำสิ ทัน deadline ทุกงาน 🤭)
🌺 สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ หลายคนถามมา 💰 รวมทุกอย่างแล้ว หมดไป 102,292 บาท
🌺 Take home message คือ พร้อมแค่ไหน ถ้าเปลี่ยนกระเป๋าอย่าลืมดูทุกซอกว่าลืมอะไรทิ้งไว้ไหม 😤
Golden Circle
Golden Circle เป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดเนื่องจากมีวิวหลากหลาย ทั้งน้ำตก ปากปล่องภูเขาไฟ น้ำพุร้อน ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน และไม่ไกลจากเมืองหลวง Reykjavik ถนนก็ดี ทัวร์ก็เยอะ ทำให้คนที่มีเวลาไม่มากก็มาสัมผัสความงามตามธรรมชาติได้อย่างไม่ยากนัก
📌 ระยะทาง แล้วแต่ว่าจะไปจุดไหนบ้าง แต่คร่าวๆ ไปกลับ Reykjavik รวมประมาณ 250 กม.
📌 ถนนดี ไม่ต้อง 4WD ก็ได้ (แต่ตอนนี้มีทางไปจุดจอดรถใกล้ๆ Bruarfoss แล้ว ซึ่งถนนไปเป็นลูกรังเละพอควร ดังนั้นยังไงก็ตามเอา 4WD ไปเถอะครับ อุ่นใจดี)
📌 จุดท่องเที่ยวหลัก ๆ ที่นิยม คือ (ยังมีอีกหลายที่แต่ผมไม่ได้แวะครับ)
📸 Thingvellir National Park
📸 Bruarfoss
📸 Strokkur Geysir
📸 Gullfoss
📸 Kerid Crater
Thingvellir National Park
นอกจากจะมีความสวยงามตามธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไอซ์แลนด์ด้วยเนื่องจากเป็นที่ตั้งรกรากของชาวไอซ์แลนต์ยุคแรก ๆ มีการตั้งรัฐสภาแห่งแรกที่นี่ และเป็นที่ ๆ เห็นแผ่นเปลือกโลกของ 2 ทวีป คือ อเมริกาเหนือและยุโรป มีกิจกรรมดำน้ำระหว่างแผ่นเปลือกโลกด้วย ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติที่แรกของไอซ์แลนด์และได้ขึ้นเป็นมรดกโลก UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 2004
✏️ มีหลายจุดให้เดิน เช่น Oxarafoss, Almannagja Gorge, Drekkingarhylur (drowning pond) และ Flosagjá fissure เผื่อเวลาเที่ยวที่นี่ซัก 2-3 ชั่วโมงน่าจะกำลังสบาย ๆ
✏️ ทางเดิน ดี เดินไม่ยาก แต่ใช้เวลาเดินหน่อย ขึ้นกับว่าจอดรถตรงไหน
✏️ จอดรถ ถ้าจอดตรง Oxarafoss parking ก็เดินไปน้ำตกประมาณ 20 นาที one way (1.5 กม.) และเดินย้อนกลับมาเพื่อเดินไปยังจุดชมวิว (Thingvellir visitor center) อีก 20 นาที one way (1.7 กม.) ถ้าใครไม่อยากเดินก็ขับรถมาที่จอดรถ Thingvellir Parking P1 ได้ครับ อยู่ตรง visitor center พอดี
Oxarafoss
เป็นน้ำตกแรกที่เราเจอกันที่ไอซ์แลนด์
ทางเดินเรียบ ๆ สบาย ๆ
เดินไม่นานนักก็มาถึง
Almannagja
เป็นจุดที่แผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือและยูเรเชียเลื่อนออกจากกัน ซึ่งเขาบอกว่าที่นี่เป็นที่หนึ่งในโลกที่สามารถเห็นรอยแยกของสองทวีปที่อยู่เหนือผิวน้ำ จากจุดจอด Oxarafoss อาจขับไปจอดที่ visitor center แล้วเดินย้อนชมวิวมาเล็กน้อยก็ได้ ประหยัดเวลา หรือถ้าอยากแวะจุดเล็กจุดน้อยระหว่างทาง ก็เดินต่อไปจากที่จอดรถ Oxarafoss ได้เลย
อย่างที่บอกไปที่นี่เป็นที่แรกที่มีการตั้งรัฐสภาและประกาศตัวเป็นอิสระของไอซ์แลนด์ จึงมีธงชาติปักไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์
คนมหาศาล กลุ่มนี้จอดรถที่ Visitor center แล้วเดินย้อนมา
เดินระหว่าง 2 แผ่นเปลือกโลก
ที่จอดรถที่ Visitor Center
ระหว่างทางมีหลายจุดให้แวะชม
Drekkingarhylur (drowning pond)
บ่อน้ำนี้มีเรื่องเล่าว่าเป็นที่ประหารชีวิตหญิงสาวที่มีโทษจากการกระทำอันเสื่อมเกียรติ (แต่ไม่รู้ทำไมดูตื้นจัง)
.
Flosagja
เดินแยกออกมาจากเส้นทางหลักชั่วอึดใจจะมาถึงจุดที่เห็นรอยแยกของแผ่นเปลือกโลกที่มีธารน้ำใสไหลผ่าน มีความเชื่อว่าการโยนเหรียญสามารถทำให้พรที่ขอเป็นจริงได้ (เหมือนตอนนี้มีป้ายห้ามโยนเหรียญละ) จริง ๆ ไม่ได้สวยมาก แนะนำว่าถ้าไม่ค่อยมีเวลาก็ไม่ต้องเดินไปก็ได้ครับ
ทางเดินไป Flosagja
ระหว่างทาง มีลำธารเป็นระยะ ๆ แล้วก็มีเหรียญอยู่ที่ก้นลำธารด้วยความเชื่อที่กล่าวไปข้างต้น
.
ถึงแล้ว! Flosagja…กลับเถอะ 🤭 อุตส่าห์เดินมาตั้งนาน ได้วิวนี้เอง
Bruarfoss
ชื่อน้ำตก แปลว่า “bridge falls” เป็นน้ำตกไม่ใหญ่ ไหลแบบเตี้ย ๆ แต่สวยมาก (ก ไก่แสนตัว) น้ำมีสีฟ้า turquoise ไหลเป็นเส้นมารวมกันเป็นแอ่งน้ำวนแอ่งเล็ก ๆ ก่อนที่จะไหลลับตาไป เมื่อก่อนที่นี่ถือเป็น unseen แต่ตอนนี้คนรู้จักมากขึ้นและเดินทางมาง่ายขึ้นแล้ว
✏️ ทางเดิน เมื่อก่อนต้องจอดรถแล้วเดินไกล 3-4 กม. one way ทางเละมาก เพราะถือว่าเป็นน้ำตก unseen ของแถวนี้ แต่ตั้งแต่ เม.ย. ปี 2023 เขาทำจุดจอดรถใหม่ ใกล้ ๆ น้ำตก เดินแค่ 300 เมตรก็ถึง แต่ถนนแยกเข้าที่จอดรถนี่ยังแย่มากนะครับ อาจจะกำลังทำอยู่ อนาคตอาจจะดีขึ้น (ที่จอดใหม่นี้เสียตังค์นะครับ สแกน QR ตามป้ายแล้วจ่ายออนไลน์เลย แต่จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไร)
จุดจอดรถที่เดินใกล้ ให้ search ว่า Bruarfoss parking ถ้าเป็นที่จอดรถเดิมที่เดินไกล ๆ ต้อง search ว่า Bruarfoss trail-parking
ทางเดินไปน้ำตกจากที่จอดรถจุดใหม่
มาถึงแล้ว มันสวยมากกก
Strokkur Geysir
เป็นบ่อน้ำพุร้อนหลาย ๆ บ่อ จะมีอยู่บ่อนึงที่จะมีน้ำพุร้อนระเบิดให้ดูได้ทุก 8-15 นาที
✏️ ทางเดิน ทางราบ ทางเดินดี อยู่ใกล้ที่จอดที่ visitor center
✏️ เที่ยว เดินตามทางโดยรอบ ไม่ไกล ใช้เวลาไม่น่าเกิน ชม.
ทางเดินไปบ่อน้ำพุร้อน
มัวแต่เวิ่นเว้อ ถ่ายนู่นนี่นั่นไปเรื่อย
.
แนะนำว่าถ้ามีเวลาไม่มาก ให้เดินตรงไปบ่อนี้เลย
แล้วบ่ออื่น ๆ จะถ่ายรูปก็ไว้ทีหลัง เพราะถ้ามันระเบิดแล้ว ก็ต้องรอไป 10 นาที (อันนี้ประสบการณ์ส่วนตัว 😭 มัวแต่ต้วมเตี้ยมถ่ายรูปนู่นนี่นั่น จนเพื่อน ๆ ในกลุ่มเดินไปถึงละ จนน้ำพุระเบิดแล้ว ผมยังเดินไปไม่ถึง สรุปอดถ่ายตอนระเบิด 555 เห็นแต่ไกลๆ เพราะต้องรีบไปเที่ยวทาง South coast ต่อเพราะเวลาล่วงเลยมามากแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันไปที่พัก)
.
ถ่ายมาได้แค่เนี้ย (ระเบิดเสร็จไปแล้วจ้า 😭)
รูปจากอินเตอร์เนต
Gullfoss
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่รูปร่างแปลกตา ได้ชื่อว่าเป็น ไนแองการาแห่งไอซ์แลนด์ ตามชื่อแล้วน้ำตกนี้หมายถึง Golden waterfall
✏️ ทางเดิน ทางราบ ทางเดินดี อยู่ใกล้ที่จอด
Kerid Crater
จุดสุดท้ายที่เราจะแวะกันที่ Golden Circle ก็คือ Kerid Crater ซึ่งเป็นปากปล่องภูเขาไฟสีแดง ที่ดับมอดแล้ว กับทะเลสาบน้ำสีเขียว ตัดกันสวยงาม
✏️ ทางเดิน จอดรถปุ๊บเดินอีกนิดก็ถึงจุดชมวิวแล้ว ถ้าใครชอบเดิน สามารถเดินรอบปากปล่องได้ แล้วก็เดินลงไปยังทะเลสาบด้านล่างได้ด้วยครับ
Reykjavik และ Capital region
เป็นเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ มีจุดเที่ยวไม่เยอะ ครึ่งวันก็น่าจะเที่ยวหมด แต่ผมเที่ยวไม่หมด 555 เพราะมัวแต่โอ้เอ้ที่อื่น เลยมีเวลาที่นี่น้อยมาก ๆ เอารูปมาเท่าที่ได้ไปมาให้ดูครับ แต่ที่พลาดไม่ได้ คือ แช่บ่อน้ำร้อน มีให้เลือกหลายที่ครับ (Blue Lagoon, Sky Lagoon, Secret Lagoon)
📸 Hallgrimskirkja โบสถ์ที่เป็น landmark หนึ่งของที่นี่
📸 Laugavegur street ถนนช้อปปิ้ง (เล็ก ๆ)
📸 The Sun Voyager เป็นประติมากรรมสแตนเลส ริมทะเล
📸 Harpa Concert Hall – ไม่ได้ไป
📸 Parliament House (Alpingishusio) – ไม่ได้ไป
📸 Perlan – ไม่ได้ไป
📸 Reykjavik Church โบสถ์เก่าแก่ของเมือง – ไม่ได้ไป
Sky Lagoon
📸 Sky Lagoon บ่อน้ำร้อนแห่งใหม่ ที่อยู่ใกล้เมือง Reyjavik มากกว่า Blue Lagoon และถูกกว่าด้วย
📸 แนะนำให้ จองออนไลน์ ไปก่อน ให้เลือก package กลาง (Pure package, อย่าเลือกถูกสุด และไม่ต้องเลือกแพงสุด) จะได้ผ้าเช็ดตัว ได้เข้าซาวน่า ฯลฯ
📸 ผนังเขาจะทำเป็นหิน อยู่ริมทะเล ขนาดไม่ใหญ่ จะได้บรรยากาศค่อนข้างต่างจาก Blue Lagoon
.
Blue Lagoon
📸 Blue Lagoon บ่อน้ำร้อนที่ใครมาไอซ์แลนด์แล้วก็ต้องมาที่นี่ ถ้างบถึง พักที่นี่เลย จะ exclusive มาก แนะนำให้จองล่วงหน้านาน ๆ หน่อย โดยเฉพาะคนที่จะแวะมาช่วงกลางวันเพราะเต็มเร็วครับ ถ้าจะมาช่วงหลังสองทุ่ม นี่อาจจะรอใกล้ ๆ ได้ เพราะเขาจะลดราคาครับ โดยเฉพาะหลังสองทุ่ม ยิ่งใกล้วันราคาจะยิ่งลด (แต่ก็ต้องลุ้นนะครับว่าจะเต็มไหม) เลือก package ถูกสุดได้ (Comfort) เพราะได้เครื่องดื่ม ได้ silica mask ได้ผ้าเช็ดตัว ได้เข้าซาวน่า พอดำรงชีวิตในลากูน
📸 ถ้าจะซื้อผลิตภัณฑ์เขา แนะนำมาซื้อที่สนามบิน KEF ครับ ไม่มี tax ถูกกว่ามากกกกก
📸 ถ้าพักที่นี่ (Silica Hotel) ก็จะ exclusive หน่อย มีทางเดินลงบ่อจากห้องได้ กับได้แช่/ถ่ายรูปตอนไม่มีคนเลย แต่ราคาแรงแพงสู้ไม่ไหว
EP. หน้าจะไปต่อกันทางใต้ต่อครับ ไฮไลท์อยู่ที่นี่เพียบครับ อย่าลืมติดตามก้นครับ
