ขับต่อมาจาก Golden Circle ไปทางใต้ของเกาะซึ่งมีจุดแวะเยอะมากกก (ก.ไก่พันตัว) แล้วก็สวยมากเช่นกันครับ
สารบัญ
แตกประเด็นก่อนเริ่มเดินทาง
เรื่องเล่าไร้สาระ: เที่ยวยันมืด (ที่ไม่มืด) คุ้มค่า แต่เหนื่อยโฮก‼️
🌷 เที่ยวฤดูร้อนนี่มันดีจริง ๆ เพราะกลางวันนานมาก ถึงพระอาทิตย์จะตกห้าทุ่มครึ่ง ขึ้นตีสอง แต่ก็ไม่มีช่วงมืดสนิทเลย ทำให้เที่ยวได้นานโดยไม่รู้เวลา (แต่รู้เพราะเริ่มเหนื่อยและหมดพลัง)
🌷 ทีนี้พอเริ่มเหนื่อย อากาศหนาว ลมแรง เลยทำให้ขี้เกียจลงจากรถ 555 ทำให้เวิ่นเว้อถ่ายรูปน้อยลง (ประกอบกับลืมแบตกล้องตามที่สาธยายไปใน EP.2 มุมถ่ายก็ขึ้เกียจเดินหาเพราะหนาววว รูปเลยน้อย กลับมาก็เสียดาย 555)
🌷 น้ำตกทางใต้นี่บางที่ตกแรงมากกก เปียกปอน หนาวก็หนาว เลยทำให้อยู่ไม่นาน ไม่ค่อยหามุมถ่าย กล้องใหญ่ก็ไม่กล้าใ้ช้ (กลัวพัง) ใช้มือถือถ่ายก็ไม่ค่อยเวิร์ค สรุปได้รูปมาแบบที่เห็น 😓 (แต่ของจริงมันสวยอลังการมากกกนะครับ)
🌷 ข้อเสียของช่วงเวลาทริปนี้ (เดินทาง 4-12 มิ.ย. 2023) คือ มาช่วงรอยต่อ (เพิ่งขึ้นฤดูร้อน) คือ ดอกไม้จะเริ่มบานแต่ไม่เต็มที่ (ลูปินที่เจอก็เป็นแบบเบบี้ลูปิน ยอดสั้นๆ ยังมีตุ่มเขียวแซมเยอะ ทำให้ไม่ม่วงละลานตา) ทุ่งหญ้าแค่เริ่มเขียวแต่ยังไม่ชะอุ่ม
🌷 Take home message: ถ้าชอบฤดูร้อน (ที่ไม่ร้อน) แนะนำช่วงเวลาปลาย มิ.ย. ถึง ก.ค. ครับ (แนะนำให้จองโรงแรมล่วงหน้าอย่างน้อยซัก 3-4 เดือนครับ) เพิ่มวันเที่ยวอีกหน่อย ใช้เวลาแต่ละที่ให้เต็มที่ (ถ้าเป็นไปได้ แนะนำ แยก Golden Circle กับทาง South Coast เป็นคนละวันกันครับ มันมีหลายอย่างให้ดื่มด่ำมาก ผมพลาดไปละ )
จาก Golden Circle เราก็ขับรถต่อกันมาทางใต้ต่อกันเลย เวลาค่อนข้างล่วงเลยไปมาก จากที่เดิมตั้งใจจะให้เสร็จจาก Golden Circle ตอนเที่ยง แต่ late มาจนบ่ายสอง ทำให้เริ่มกังวลว่าจะเที่ยวไม่ครบตามที่ตั้งใจ เพราะวันนี้เราจะมุ่งไปพักที่เมือง Vik ใกล้ ๆ กับ black sand beach และก็ไม่ทันจริง ๆ ที่เที่ยวตามแผนคือตามรูปครับ อันที่ตัดออกคือ Glijufrabui (เสียดายยยย) ส่วน Plane wreck กับ Dyrholaey Arch ยกยอดขับรถย้อนมาเที่ยววันรุ่งขึ้นแทน (ทำให้แพลนวันต่อไป ก็ไม่ทันไปเรื่อย ๆ 555 เป็นแบบนี้ทุกวัน) แต่รูปที่ลงก็จะเรียงไปตามแผนที่ครับ จะได้ไม่สับสน ที่ไหนที่ไปไม่ทันจะเอารูปจากอินเตอร์เนตมาให้ดูกันครับ
Seljalandsfoss
📍เป็นหนึ่งในน้ำตกไฮไลท์ของไอซ์แลนด์เลยก็ว่าได้ สูงประมาณ 60 เมตร มีหน้ากว้างไม่มาก แต่เนื่องจากมันตกมาจากที่สูงมากและลมแรงเลยทำให้น้ำแรงและกระเซ็นไกลมาก เปียกปอนกับไปตาม ๆ กัน สามารถเดินไปหลังน้ำตกได้ (แนะนำให้ไปด้วยครับ วิวมองย้อนออกมาสวยมาก)
📍เปียกมาก ใช้กล้องใหญ่ไม่ได้เลย ต้องใช้มือถือ แต่ก็ทุลักทุเล เพราะเหมือนโดนน้ำสาดตลอดเวลา
📍น้ำแรงมาก ถ้าจะเดินไปหลังน้ำตก ก็เตรียมผ้าเช็ดตัว เสื้อกันฝน กันไปตามสมควรครับ แต่มันคุ้มที่จะเปียกอยู่นะ ผมเดินไปไม่สุดที่จะถ่ายย้อนออกมาเห็นเป็นเวิ้งเขาเพราะมือถือเหมือนจะพัง 555 มันปรับแสงสว่างเวอร์ตลอด ถ่ายรูปไม่ได้ เลยเดินออกมาก่อน (สุดท้ายเป็นเพราะน้ำมันเข้าไปด้านหลังกระจกกันรอยของกล้อง)
📍สายถ่ายรูป ถ้าอยากได้แสงสวยสุด ๆ จะเป็นตอนพระอาทิตย์ตกครับ แต่เนื่องจากเราไม่ได้พักแถวนี้ และยังต้องเดินทางอีกไกล เลยอดไปตามระเบียบ
📍จาก Seljalandsfoss สามารถเดินต่อไปยังน้ำตก Glijufrabui ได้ (ประมาณ 800 เมตร one way) ซึ่งเป็นน้ำตกที่ตกมาระหว่างช่องเขาทำให้ถ่ายรูปสวยมากกก แต่เวลาเราไม่ทันแล้ว เลยจำเป็นต้องข้ามไป
::
ดูไกลๆ ก็ไม่เห็นใหญ่ ไหนว่าเปียก? แต่เข้าไปใกล้ ๆ ก่อน จะรู้ว่าทั้งใหญ่ทั้งเปียก
::
อย่าลืมเตรียมเสื้อกันฝน กางเกงแห้งไว ไม่งั้นแฉะ
::
บันไดเดินไปด้านหลังน้ำตก
::
ด้านหลังน้ำตกสวยมากกก
น้ำแรงมากกก เสียดายตอนนั้นเปียกมาก กล้องมือถือโฟกัสไม่ได้ ยังดีที่ได้รูปมาบ้าง ตอนแรกนึกว่าพังละ เลยไม่ได้เดินเข้าไปด้านหลังต่อ (ที่แท้เป็นเพราะน้ำมันเข้าไปหลังกระจกกันรอยกล้อง) มุมนี้ตอนพระอาทิตย์ตกจะสวยมากกก (ดูรูปจากอินเตอร์เนตด้านล่างครับ)
ภาพด้านหลังน้ำตกจากอินเทอร์เนตเพิ่มครับ ยืนยันความสวย
ภาพ Glijufrabui ที่ไม่ได้ไป
Skogafoss
📍เป็นน้ำตกใหญ่มากกก สูงประมาณ 60 เมตรพอ ๆ กับ seljalandsfoss แต่หน้ากว้างมากทำให้ดูทรงพลังมากกว่า หน้ากว้างถึง 25 เมตร และแน่นอน เปียกปอนเหมือนเดิม (ถ้าเดินไปใกล้)
📍ด้านข้างน้ำตกมีบันไดให้เดินขึ้นไปบนยอดน้ำตกได้ครับ ประมาณ 500 ขั้นชัน ๆ ถ้ามีเวลาและเดินไหว แนะนำให้ขึ้นไปครับ (ผมไม่ได้ขึ้น)
📍ผมไปถึงน่าจะประมาณบ่ายสาม แสงอาทิตย์โดนเขาบังไปแล้ว ทำให้แสงไม่กระทบน้ำตก เลยไม่เห็นรุ้ง ภาพก็ออกจะมืดๆ หน่อย
::
วิวจากถนนตอนขับรถถึง หน้าผาข้างน้ำตกดูแล้วคล้าย ๆ รูปหัวใจ (ภาพเบลอๆ หน่อยถ่ายตอนรถวิ่งครับ หาที่จอดถ่ายไม่ได้) มันมีพิกัดถ่ายรูปน้ำตกนี้โดยมีทุ่งลูปินเป็น foreground เสียดายตอนไปนั่นลืม (ถ้าไม่รู้ว่ามีจุดถ่าย จะไม่ค่อยเจ็บใจ แต่นี่ “ลืม” 🙄 😢 เจ็บใจ มัวแต่รีบ 555 เพราะกลัวเที่ยวไม่ทันแพลน)
::
ใช้คำว่าสวยได้เปลืองมาก 😍
::
ยิ่งใกล้ยิ่งเห็นว่า มันใหญ่มากกกก อลังการสุด ๆ ตอนไปถึงน่าจะประมาณบ่ายสี่ เงาภูเขาบังน้ำตกไปเยอะเลย มุมขวาบนเป็นจุดชมวิวด้านบนครับ เดินขึ้นบันได 500 ขั้นชัน ๆ ไปได้ (เสียดายไม่ได้ขึ้นอีกตามเคย มัวแต่รีบ ๆๆๆ เซ็งตัวเอง ดังนั้น อย่าลืมเผื่อเวลาเยอะ ๆ นะครับ เที่ยว Golden Circle และ South Coast เนี่ย)
::
แต่ไม่ได้เข้าไปใกล้มากครับ มันเปียกกก
Solheimasandur Plane Wreck
📍ก็แค่ซากเครื่องบิน 😖 แต่เขามากันจนเป็นไฮไลท์ไปแล้ว เราเลยต้องมา เมื่อก่อนต้องเดินเท้าเข้าไปจากที่จอดรถไกลมากกก (ประมาณ 3 กิโลกว่า one way ท่ามกลางความหนาว ลมแรง และทรายสีดำเวิ้งว้าง) แต่ตอนนี้เขามี shuttle bus รับส่งละครับ ใช้เวลาแค่ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงละ (ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าไม่มีรถบัส คงไม่เดินเข้าไปดูแน่ ๆ)
📍เขาว่าเป็นเครื่องบินของสหรัฐอเมริกาที่น้ำมันหมดและมาตกลงที่ชายหาดนี้เมื่อ ปี ค.ศ. 1973 ไม่มีคนเสียชีวิต และเขาก็ไม่ได้เก็บซากนี้ออกไป และกลายมาเป็นจุดท่องเที่ยวในที่สุด
📍รอบรถบัส จะมีทุกครึ่งชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 10.00-17.00 น. (รอบสุดท้ายที่จะกลับจากเครื่องบินคือ 17.10 น.ครับ ถ้าเกินนั้นก็เดินกลับกันเอง)
📍พอเดินทางมาสะดวกขึ้น คนเลยเยอะมากครับ ถ้าต้องการถ่ายแบบไม่มีคน คงต้องมานอกเวลารถบัสวิ่ง หรือไม่ก็รอระหว่างรอบที่คนจะเดินกลับไปขึ้นรถและคนรอบใหม่จะเดินลงมา ยังไงก็แบ่งๆ กันถ่ายรูปนะครับ กรุ๊ปผมถ่ายอยู่ดี ๆ เจอฝรั่งแก่ ๆ จ้องตาเขม็งแล้วโบกมือไล่ให้ออกจากเฟรมรูปเขา มารยาทแย่มาก (คือ พวกผมก็ยืนอยู่ห่างจากเครื่องบินพอสมควร แต่ท่านคงอยากได้วิวมุมกว้าง) ทั้งที่พวกผมเวลาถ่ายก็ยืนรอให้คนที่เขาถ่ายอยู่เสร็จก่อนไม่ได้ไปไล่เขาแบบนี้ ไม่งั้นก็ไป photoshop ลบคนเอา
::
ซากเครื่องบิน ริมทะเล บนหาดทรายดำเวิ้งว้าง ชอบรูปล่างนี้มาก ดูเหมือนหนังผู้คนอพยพจากภัยพิบัติ
::
Plane wreck and the gang
Dyrholaey Arch
📍เป็นจุดชมวิวมุมกว้างที่สวยมาก ฝั่งนึง (ทิศตะวันตก) จะเห็นหาดทรายสีดำยาวสุดลูกหูลูกตา อีกฝั่ง (ทิศตะวันออก) ก็จะเห็นผาหินภูเขาไฟสีดำมีรู (arch) และมองเลยไปจะเห็น Reynisfjara Beach หันหลังจากทะเลกลับไปทางทิศเหนือจะเห็น Myrdalsjokull Glacier
📍มีหอประภาคาร (lighthouse) รูปร่างคล้ายปราสาทตั้งอยู่ด้วย
::
Dyrholaey Arch
รูปนี้ถ่ายตอนประมาณเก้าโมง ตอนเช้าจะย้อนแสง
::
มองเห็น Reynisfjara Beach ด้วย (ตอนเช้าย้อนแสง)
::
วิวรอบ ๆ หาดทรายดำยาวสุดลูกหูลูกตา
Reynisfjara Beach
📍เป็นหาดทรายดำที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของโลก ทุกคนที่มาไอซ์แลนด์ต้องไม่พลาดที่นี่อย่างแน่นอน อยู่ใกล้ ๆ กับเมือง Vik
📍มีแท่งหินบะซอลต์อยู่ด้านตะวันออกของหาด และเดินถัดไปอีกนิดนึงจะเป็นถ้ำของแท่งหินบะซอลต์ ที่เกิดจากกัดเซาะของน้ำทะเลเข้ามา ถ้ำนี้ชื่อว่า Halsanefshellir Cave
📍ข้อควรระวัง ที่นี่คลื่นแรงมากนะครับ ถ้าเห็นป้ายเตือนก็อย่าลงไปแถวแท่งหินหรือถ้ำครับ เพราะคลื่นยักษ์มาทีจะกวาดทุกอย่างลงไป มักจะมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตบ่อยๆ (หาดูคลิปได้จาก youtube ครับ น่ากลัวมาก) และมักจะมีคนเตือนว่า อย่าหันหลังให้กับทะเล ให้สังเกตคลื่นไว้ตลอด
::
หาดทรายดำละเอียด มองไปจะเห็น Dyrholaey Arch, ในรูปถ่ายตอนพระอาทิตย์ตก (ประมาณห้าทุ่ม)
::
หันมาอีกทาง เดินมาไม่ไกลจากที่จอดรถ จะเจอเนินเขาและแท่งหินบะซอลต์ ไฮไลท์จุดถ่ายรูปของหาดนี้
ใครมาก็ต้องปีนขึ้นไปถ่ายบนแท่งหิน ทั้งลมแรงและหนาว ทนได้ไม่นาน
::
Halsanefshellir Cave
เดินอ้อมแท่งหินบะซอลต์มานิดเดียวก็เจอละครับ
::
Black Beach Suite
📍คืนแรกของการออกเดินทาง เราเลือกพักที่ Vik ครับ (แต่อย่างที่บอกไปตอนต้น ถ้าแบ่งทริปพักหลังจาก Golden Circle ได้จะดีมากครับ เพิ่มวันเที่ยวอีกวันนึง จะสบายขึ้นเยอะ) ได้มาพักที่ Black Beach Suite อยู่ไม่ไกลจากชายหาด (ขับรถ 5 นาที) และที่พักสวยมาก วิวดี (ราคาก็แรงตามไปด้วย)
จากห้องพักมองไปเห็น Dyrholaey Viewpoint อยู่ลิบ ๆ
::
ภายในที่พัก (ภาพจาก booking.com)
Vik
📍เป็นเมืองทางชายฝั่งตอนใต้ของไอซ์แลนด์ จริง ๆ จะเรียกเมืองก็แปลก ๆ เพราะมันเล็กมาก ถ้าไปอ่านในอินเตอร์เนต เขาจะใช้คำว่าหมู่บ้าน (village) ก็เห็นด้วยครับ ขับรถผ่านหายใสสามทีก็หมดเมืองแล้ว
📍Vik Church โบสถ์หลังคาแดงบนเนิน เป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ พอขับรถเข้าเมืองมาจะเห็นโบสถ์เด่นมาแต่ไกล วิวไฮไลท์คือ ถ่ายกับทุ่งลูปินซึ่งอยู่ด้านข้างโบสถ์ แต่ตอนผมไปกันลูปินยังไม่บานเต็มที่ เลยออกเป็นสีม่วง ๆ เขียว ๆ ไป เสียดาย ถ้ามาอีกซักสองอาทิตย์น่าจะละลานตามาก
::
รอบ ๆ โบสถ์มีดอกไม้ขึ้นละลานตาไปหมด ตอนที่ไปนี่ลูปินเพิ่งเริ่มบาน ช่อยังไม่โต และยังเป็นดอกเขียว ๆ อยู่เยอะ 😭 น่าเสียดาย
::
ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่นานเพราะอยากได้วิวโบสถ์ที่มีลูปินเป็น foreground แต่ไม่ได้เลย 😭 ยังไม่บานเท่าไร
จากเมือง Vik เราจะไปต่อทางตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีที่เที่ยวเยอะเหมือนกัน (เริ่มเหนื่อยกันหรือยังครับ เป็นประเทศที่รีวิวหลาย EP. มาก)