จอร์แดนเป็นประเทศหนึ่งที่ไม่เคยคิดจะมา รู้จักเพราะเห็นรูปสถาปัตยกรรมคล้ายตึกที่เหมือนแกะสลักลงบนภูเขาผ่านทางช่องเขาเล็กๆ (ที่ตอนหลังมารู้ว่ามันเรียก “The Siq”) ตอนนั้นรู้สึกว่าสวยดี น่าไป แต่พอรู้ว่าอยู่จอร์แดนก็ไม่ได้คิดจะขวนขวายมาอีกเลย จนได้คลอดทริปอียิปต์ขึ้นมา เพื่อนมันเลยขอพ่วงจอร์แดนไปด้วยเพราะประเทศอยู่ใกล้กัน ไหนๆ จะบินมาแถวนี้แล้วก็เที่ยวมันซะให้หมด ก็เลยได้มาแบบจับพลัดจับผลู
ที่นี่มาไม่ยากครับ มีหลายสายการบินหลายบริษัทของตะวันออกกลางที่มาที่นี่ โดยสนามบินหลักคือ Queen Alia International Airport ที่เมืองอัมมาน (Amman) ผมเดินทางด้วย Egypt Air จากกรุงไคโรหลังจากจบทริปอียิปต์ วางแผนจะอยู่ที่จอร์แดนกัน 5 วันนิดๆ กับอีก 5 คืน
บทความอียิปต์เดิม คลิ๊กที่ชื่อตอนได้เลยครับ >>> ตอนที่ 1 (เกริ่นนำและ Lower Egypt), ตอนที่ 2 (Upper Egypt), ตอนที่ 3 (Upper Egypt ตอนจบ) และ ตอนพิเศษ (รู้จักมัมมี่)
สารบัญ
เกริ่นนำ
คนไทยต้องมี วีซ่า ครับ สามารถทำที่สนามบินได้เลย (visa on arrival) ไม่ต้องทำล่วงหน้ามาก่อน ราคา 40 JOD (1 JOD เท่ากับประมาณ 48-50 บาท (ปี 2017)) โดยถ้าซื้อ Jordan Pass จะไม่ต้องเสียค่าวีซ่าเพิ่ม ซึ่งถ้ามีแผนจะเที่ยวสถานที่ต่างๆ หรือเพตราแล้ว ซื้อ Pass จะคุ้มครับ เพราะค่าวีซ่ากับค่าเข้าเพตราก็เกินราคา Pass แล้ว รายละเอียดติดตามได้จากบทความเก่าตาม ลิงค์นี้ ครับ
ข้อควรระวัง Jordan Pass ต้องซื้อก่อนเข้าจอร์แดนนะครับ (ซื้อทางออนไลน์ได้) แล้วก็ print ติดตัวไป (ในเว็บบอกว่า save รูปที่เขาส่งมาให้แล้วตอนจะใช้ก็โชว์โทรศัพท์แทนได้ แต่ที่เที่ยวบางที่ใช้ไม่ได้ครับ ทางที่ดี print ติดตัวไปดีกว่า)
แผนที่เที่ยวในจอร์แดน
แผนการของผมตามรูปล่างครับ
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของทริปนี้
การเดินทางในจอร์แดนและไปเพตรา
ผมไม่ค่อยได้มีข้อมูลเรื่องรถไฟ หรือรถสาธารณะของจอร์แดนเท่าไรครับ เพราะเดินทางส่วนใหญ่ไปกับทัวร์ซึ่งติดต่อเป็น Private tour ถ้าไม่เอาทัวร์ก็หาแท็กซี่ได้ครับ คล้ายๆ กับอียิปต์ แต่ราคาจะแพงกว่าเพราะที่นี่ค่าครองชีพสูงกว่าพอสมควรเลย
ข้อควรระวัง เวลาติดต่อทัวร์กับโรงแรม ถามรายละเอียดให้ดี ว่าคนที่ให้มานั้นเขาบริการแค่ขับรถหรือนำเที่ยวด้วย รถที่จะมารับเป็นรถอะไร ใส่กระเป๋าเราได้ครบไหม และนั่งเบียดกันมากหรือเปล่า ของผมเสียท่านิดนึง จองกับโรงแรมสุดท้าย ให้มาแต่คนขับรถ เขาบอกชื่อรถมาเราก็ไม่ได้ไปดูว่ามันรถรุ่นไหน เข้าใจว่าใหญ่ แต่เอาเข้าจริงเป็นรถเก๋งธรรมดา นั่งอัดกัน 4 คนหลายชั่วโมงเลย กระเป๋าเดินทางก็เกือบยัดไม่ลง (จริงๆ private tour พวกนี้ตั้งแต่สี่คนขึ้นไปควรเป็นรถตู้หรือมินิแวน)
แต่ที่เพตราผมไม่ได้ซื้อทัวร์ครับ เลยเดินทางจาก Amman มากันเองด้วยรถบัส ขึ้นที่ Jett Bus Station สามารถซื้อตั๋วได้เช้าวันนั้นเลยครับ ถ้าให้สะดวก จองโรงแรมใกล้ๆ ตอนเช้าจะได้เดินมาได้เลยไม่ต้องเรียกแท็กซี่ หรือจะเหมาแท็กซี่ไปเพตราเลยก็ได้ครับ เห็นเขาบอกราคาประมาณ 80 JOD ต่อคันแล้วแต่ต่อรอง
รอบรถ
- Amman-Petra : ออก 6.30 น. รอบเดียวที่ Jett Bus Station (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
- Petra-Amman : ออก 17.00 น. รอบเดียวใกล้ๆ Petra Visitor Center
เงินจอร์แดนและจิปาถะอื่นๆ
- สกุลเงิน ใช้สกุล JOD (Jordanian Dinar) ซึ่ง 1 JOD จะประมาณ 48-50 บาท (ช่วง พ.ค. 2017) โดยต้องแลก US dollar หรือ Euro มาจากไทยก่อนแล้วค่อยมาแลกเป็น JOD ที่นี่ครับ แลกที่สนามบินจะได้ราคาแย่กว่า
- Sim card หาซื้อได้ในสนามบินก็มีครับ เขาว่าสัญญาณ Orange แรงสุด (แต่ก็แพงด้วย)
- ปลอดภัยไหม ปลอดภัยครับ แต่ตามที่เที่ยวจะมีพวกมาตื๊อให้รำคาญใจได้บ้างแต่ไม่มากเท่าอียิปต์
- ขับรถดีไหม ไม่ดีครับ ถึงถนนหนทางจะดีกว่าอียิปต์และดูปลอดภัยกว่า แต่ดูขับกันไม่เป็นระเบียบเลย แซงกันน่ากลัวมาก
- ไปช่วงไหนดี เหมือนอียิปต์ครับ ไม่ควรมาช่วงหน้าร้อนตั้งแต่ปลาย พ.ค. ไปจนถึง ก.ย. จริงๆ อากาศจะเย็นกว่าอียิปต์หน่อยแต่ก็แดดแรงมาก
มาเที่ยวกันเลยครับ
บทความนี้จะกระโดดมาเพตราเลยนะครับ ที่เที่ยวอื่นๆ จะแยกไปอีกเรื่องนึงเลย จะได้ไม่ยาวเกินไป เที่ยวในเพตราทำได้ทั้งมาเช้าเย็นกลับ หรือค้างคืนก็ได้ ซึ่งมีตั๋วเข้าหลายแบบตาม ตารางด้านล่าง ถ้าค้างคืนราคาจะถูกกว่า ถ้ามี Jordan Pass เข้าได้ฟรีเลยครับ
ผมดูแผนที่และ trail ต่างๆ ในเพตราแล้วเลยอยากจะอยู่หลายวันเพราะเดินวันเดียวคงไม่หมด และอยากเดินให้เห็นวิวหลายๆ จุด และอยากดู Petra by Night ด้วย (มาวันจันทร์พอดี) เลยวางแผนเที่ยวกัน 2 วัน จองที่พักใกล้ๆ ทางเข้าซึ่งเดินแค่ประมาณ 5 นาที ราคาไม่แพงมาก โรงแรมสภาพดีครับ แต่เอาเข้าจริง…สิ่งที่คิดไม่ได้เป็นอย่างฝันไว้ ช่วง พ.ค. อากาศเริ่มร้อน แดดแรง เดินเยอะมากๆ แค่วันเดียวคณะผู้ร่วมเดินทางก็เริ่มล้ามากแล้วครับ (ตามอายุ) เลยลงความเห็นว่าวันที่สองไม่เข้าเพตราดีกว่าเพราะอาจจะเดินไม่ไหวละ เลยหาที่เที่ยวใกล้ๆ สรุปมติลงความเห็นว่าไป Little Petra ดีกว่า ซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่ 15 นาที ตามแผนที่ด้านล่าง โดยจะหาแท็กซี่แถวนั้นก็ได้ แต่พวกเราติดต่อกับทางโรงแรมให้หารถและคนขับให้
ทางเข้าจะมี Visitor Center และพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ทัวร์ส่วนใหญ่จะมาถึงประมาณ 9 โมง
ประวัติสั้นๆ เกี่ยวกับเพตรา
เป็นเมืองที่อยู่ในหุบเขาซึ่งบ้านเรือน วิหาร สุสานจะสร้างโดยการแกะสลักเข้าไปในภูเขา ซึ่งสีของหินจะมีสีออกส้มชมพู ทำให้มีชื่อเรียกขนานนามเป็น The Rose City หรือ นครศิลาสีกุหลาบ นครแห่งนี้เชื่อว่าเคยเป็นเมืองหลวงของชาว Nabatean ชนพื้นเมืองของจอร์แดนซึ่งถูกสร้างตั้งแต่ช่วง 312 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญ แต่หลังจากล่มสลายจากการเปลี่ยนเส้นทางการค้าและมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหลายครั้ง ที่นี่ก็ถูกทิ้งให้รกร้างอยู่นานแสนนาน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1812 นครแห่งนี้ก็ถูกเปิดเผยต่อสายตาชาวโลกอีกครั้งจากการค้นพบของนักเดินทางชาวสวิสเซอร์แลนด์ ชื่อ Johan Burckhardt
จนเมื่อปี พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) ที่นี่ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO และเมื่อปี พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) ก็ได้ถูกประกาศให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และกลายเป็นจุดหมายในฝันของนักเดินทางจำนวนมาก
Trail ในเพตรา
Trail มีให้เลือกมากมายครับ ลองดูตาม ลิงค์นี้ ครับ ผมเลือก Trail ปกติซึ่งเดินจาก The Siq ไปสิ้นสุดที่ Monastery คือ
- Main Trail (8 กิโลเมตรนับตั้งแต่ Visitor Center)
- ส่วนต้นของ Al-Khubtha Trail (น่าจะแค่ 1 กิโลเมตร) ถ้าเดินเต็มเส้นทางตรงปลายทางจะเห็นวิวของ The Treasury มุมสูงด้วยครับ (ตามรูปด้านล่าง) แต่พวกผมไปไม่ไหว เลยเดินสุดทางแค่ Palace Tomb ครับ (เสียดาย แต่เหนื่อย 555)
- Ad-Deir (Monastery) Trail (2.5 กิโลเมตร แต่ต้องไต่บันได 800 กว่าขั้น)
สถานที่ตาม Trail ที่ผมเดินผ่านก็ตามตัวหนังสือสีแดงในรูปด้านล่างครับ ส่วนที่อื่นๆ อย่างที่บอกตอนแรกว่าจะเดินอีกวันนึง แต่ก็ไม่ได้กลับเข้าไปเพราะเดินไม่ไหวแล้ว 555 และพอเดินถึงจุดที่ 22 ซึ่งจะมีทางให้เดินต่อไปจนสุดซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่อีกที่นึง คือ The Monastery ถ้าจะเดินต่อก็ได้ครับ แต่พวกเราไม่ไหว เลยตัดสินใจขี่ลากันขึ้นไป เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนท้ายครับ
Main Trail
จาก Visitor Center เดินเข้าไป The Siq เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นทางราบ จะเดินหรือนั่งรถม้าไปก็ได้ครับ
ตรงทางจะเข้า The Siq จะมี Obelisk Tomb และ Bab el-Siq Triclinium อยู่ ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่แรกที่เห็นที่เป็นการแกะสลักเข้าไปในภูเขา สร้างไว้เพื่อเป็นสุสาน และมีเสา Obilisk สามเหลี่ยมที่ยอดจำนวน 4 เสา
The Tunnel เป็นเหมือนอุโมงค์น้ำ ซึ่งเขาขุดไว้ เพื่อเป็นทางระบายน้ำในกรณีฤดูฝนที่มีน้ำหลากลงมา เนื่องจากเพตราอยู่ในหุบเขา ถ้าน้ำไหลหลากมาจะทำให้หมู่บ้านน้ำท่วมได้ เขาจึงขุดไว้ให้เหมือนเป็นทางผันน้ำออกไปไม่ให้ท่วมในตัวเมือง
The Siq
ทางเดินใน The Siq จะแคบๆ กว้างๆ สลับกันไป ระยะทางยาวประมาณ 1.2 กิโลเมตร ผนังของหุบเขาสองข้างทางมีลวดลายและสีสันแปลกตามมากครับ ให้อารมณ์เหมือนเดินใน Zion National Park ที่อเมริกา เดินๆ ไปก็จะมีรถม้าวิ่งผ่าน ต้องคอยหลบให้ดี ฝุ่นตลบเลยทีเดียว
ลวดลายของผนังหุบเขารอบด้าน สวยมากครับ ไม่แน่ใจว่าริ้วๆ สีสันพวกนี้เกิดจากอะไร แต่ถ้าให้เดาอาจเกิดจากการมีน้ำท่วมหลากไหลผ่านเป็นเวลานาน คล้ายๆ การเกิดของ Antelope Canyon หรือ Zion National Park เพราะเขาบอกว่าที่นี่เป็นหุบเขาอยู่ในที่ต่ำมีน้ำไหลลงมาท่วมได้บ่อยๆ
บางช่วงจะมีการแกะสลักเป็นรูปต่างๆ กัน
รางระบายน้ำเห็นอยู่รายรอบ The Siq แอบฟังไกด์กลุ่มอื่นๆ เขาบอกว่าภายในผนังของภูเขามีระบบน้ำเป็นท่อซ่อนอยู่ด้วย (สุดยอดมาก)
และแล้วก็มาถึงมุมยอดฮิต ตื่นเต้นๆๆๆ
ได้อารมณ์มากครับ เวลาเดินแล้วค่อยๆ เห็น The Treasury โผล่มาทีละน้อยๆ
The Treasury (Al Khazna)
และแล้ว…..
The Treasury เป็นวิหารที่มีชื่อเสียงที่สุดของเพตรา ซึ่งวัตถุประสงค์ของการสร้างยังเป็นที่ถกเถียงกันบ้าง บ้างก็ว่าเป็นสุสาน บ้างก็ว่าเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ สร้างโดยการแกะสลัก เจาะเข้าไปในภูเขา ด้านข้างของวิหารยังเห็นการแกะเข้าไปเป็นขั้นบันไดช่วยในการปีนเพื่อก่อสร้างและแกะสลักวิหาร ที่นี่มีความสูงประมาณ 40 เมตร
สถาปัตยกรรมโดยรวมเป็นแบบเรียบง่าย ลักษณะจะคล้ายๆ กันเกือบทุกวิหารหรือสุสาน บางส่วนถูกกัดเซาะโดยลมและสภาวะของธรรมชาติ แต่ก็ถือว่าสมบูรณ์มากทีเดียวครับ
ด้านหน้ามีอูฐและลาให้เช่าขี่ถ่ายรูปหรือเดินในเพตราด้วยครับ
ภายใน ไม่ได้เปิดให้เข้าชม
แสงที่สวยที่จะถ่ายรูป The Treasury น่าจะเป็นช่วงเช้า (ภาพบนๆ) ครับ เพราะแสงอาทิตย์ส่องกระทบพอดี ทำให้เห็นเป็นสีส้มทอง แต่พอตอนเย็น จะเห็นสีจริงๆ ของภูเขาเป็นสีส้มออกชมพู (ภาพด้านล่าง) ตามสมยานามของที่นี่ คือ The Rose City หรือนครศิลาสีกุหลาบ แต่ตอนเย็นคนจะน้อยมาก ถ่ายรูปได้โดยไม่มีคนบัง
Street of Facades
เดินเลยมาจาก The Treasury เดินไปตาม Main Trail กันต่อครับ เป็นทางกว้าง มีสุสานอยู่สองข้างทางเป็นระยะ ซึ่งล้วนแต่เป็นการแกะสลักเข้าไปในภูเขาทั้งสิ้น
The Theater
เป็นสถาปัตยกรรมคล้ายกรีกโรมัน เป็นการแกะสลักภูเขาให้เป็นอัฒจรรย์ จุคนได้ถึง 4,000 คน
Nymphaeum และ Great Temple
เป็นน้ำพุประจำเมืองซึ่งรับน้ำมาจากภายนอก (เชื่อว่ารับจาก The Tunnel) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับวิหารศักดิ์สิทธิ์ของชาวเพตรา (Great Temple)
Al-Khubta Trail
ผมเดิน trail นี้แค่ส่วนต้นครับ ดูแค่ Urn Tomb จนถึง Palace Tomb ถ้าเดินต่อไปจะไปถึงจุดชมวิว The Treasury จากยอดเขาได้ เสียดายที่เหนื่อยจนล้มเลิกความตั้งใจซะก่อน
The Royal Tombs
ที่ใช้ชื่อนี้ไม่ใช่เพราะว่าเป็นสุสานของกษัตริย์ครับ แต่เพราะเป็นลักษณะภายนอกของสุสานมากกว่า
Urn Tomb
ต้องปีนบันไดขึ้นไปหน่อยครับ
วิวมองจากด้านบน
มองลงไปเห็น Great Temple และ Colonnaded Street
Silk Tomb
ลวดลายของหินเป็นริ้วๆ คล้ายผ้าไหม
Corinthian Tomb
Palace Tomb
ถัดจาก Palace Tomb เป็นทางเดินต่อไปตาม Al-khubta trail ที่ผมไม่ได้เดินต่อ ถ้ามีแรงและมีเวลาแนะนำไปต่อครับ ดู The Treasury จากมุมสูง
Monastery Trail
เส้นทางไม่ไกลนัก แต่ต้องขึ้นบันไดกว่า 800 ขั้นซึ่งชันพอควรครับ มาถึงตรงนี้แรงที่มีมากมายตอนเช้าหมดลงเรียบร้อยครับ เลยตัดสินใจขึ้นลาดีกว่า (ใจนึงก็สงสารเพราะลาตัวไม่ใหญ่แต่ต้องรับน้ำหนักเราเดินไปเป็นกิโล…แต่สังขารคนมันเดินต่อไม่ไหวแล้ว) ต่อรองได้ราคาคนละ 10 JOD แต่ขอบอกว่า….น่ากลัวมาก เพราะทางชัน เจ้าลาบางทีก็กระโดดหรือไม่ก็เดินชิดหน้าผามาก นั่งเกร็งไปหมด แต่ดูตามทางที่ลาพาเดินไปนี่ ถ้าเดินกันเองคงตายกันตั้งแต่เดินยังไม่ถึงครึ่งทางแน่ๆ
แรกๆ พาเดินทางราบยังยิ้มออก กดภาพถ่ายรูปได้เรื่อยๆ หารู้ไม่ว่า…..
เห็นทางขึ้นบันได ก็เริ่มหวั่นๆ มันจะกลิ้งลงมาไหมนะ
เป็นครึ่งชั่วโมงที่ปวดตรูดและทรมานมากๆๆๆๆ
แต่ในที่สุดก็ถึงครับ ที่นี่เป็นวิหารที่มีชื่อเสียงรองๆ ลงมาจาก The Treasury แต่คนมาน้อยกว่าเพราะไกลและเดินยากครับ ที่นี่สูงประมาณ 48 เมตรซึ่งสูงกว่า The Treasury ซะอีก
เสร็จจากที่นี่ ก็ขึ้นลาลงมายังปลาย Main Trail และเดินกระปลกกระเปลี้ยออกนอกเพตรา เพื่อรอเวลาที่ “ต้องเดินกลับเข้าไปอีก” เพื่อดู Petra by night …. เหนื่อยจนแทบคลาน 555 แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ถึงไหนถึงกัน
Petra by night
ที่นี่จะมีการแสดงตอนกลางคืน โดยเสียค่าเข้าเพิ่ม 17 JOD ครับ (ใช้ pass ไม่ได้ครับ) สามารถซื้อตั๋วได้ที่หน้างานหรือซื้อที่โรงแรมที่พักก็ได้ครับ การแสดงจะคล้ายๆ กับแสงสีเสียง มีการเล่นดนตรีพื้นเมืองของชาวเบดูอิน (Bedouin) และกล่าวเล่าประวัติและตำนานสั้นๆ ซึ่งจะมีการแสดงเฉพาะวันจันทร์, พุธ และพฤหัส เขาจะนัดเจอกันที่ Visitor Center ประมาณ 20.30 น. แล้วค่อยให้เดินไปตามทางของ The Siq พร้อมๆ กัน ซึ่งประดับไปด้วยเทียนเรียงรายกันนับพันเล่ม
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊กที่ ลิงค์นี้ ครับ
ได้เวลาก็เดินเข้าไปเลย ดีหน่อยตรงที่ไม่มีแดด
นั่งรอซักพักก็เริ่มการแสดง
ถ้าอยากได้ที่นั่งด้านหน้า ถ่ายรูปได้สวยๆ ต้องเดินเข้าเป็นกลุ่มแรกๆ ครับ เพราะไม่งั้นคนจะนั่งบังด้านหน้าหมด ผมไปถึงทีหลัง เลยถ่ายรูปไม่ค่อยได้
ได้เห็นความสามารถของคนยุคเก่าในการสร้างสรรค์สิ่งพื้นฐานในการดำรงชีวิตให้ผสมผสานกลมกลืนไปกับความสวยงามของธรรมชาติ และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติโดยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีมากมายอย่างในปัจจุบัน จนได้กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทำให้ผมได้เปิดโลกทรรศน์ของตัวเองมากขึ้นมากครับ
สถานที่ท่องเที่ยวของจอร์แดนที่มีชื่อเสียงยังมีอีกหลายที่ครับ เร็วๆ นี้จะกลับมากับที่ๆ เหลือครับ รอติดตามนะครับ
น่าเขียนรวมเป็นเล่มขายนะครับ อุดหนุน 555 ตามอ่านมาตั่งแต่อียิปท์
ขอบคุณครับ กลัวจะมีคนซื้อคนเดียวน่ะสิครับ 555
ซื้อด้วยค่า
ไปเพตรากับอียิปต์ทริปเดียวกันหรือแยกครับ
ผมไปทริปเดียวกันครับ ไปอียิปต์ก่อน แล้วต่อด้วยจอร์แดน