ครั้งนี้ก็ยังพามาอุทยานแห่งชาติในอเมริกาเช่นเดิมครับ เป็นที่ๆ เราไม่คุ้นชื่อกันเท่าไร แต่พอไปแล้วกลับเป็นหนึ่งในอุทยานที่ชอบมากที่สุดที่นึงเลยทีเดียวครับ
“Zion National Park”
ในแถบ Utah ของอเมริกานี้เต็มไปด้วยอุทยานแห่งชาติมากมายเลย แต่ส่วนใหญ่จะแห้งแล้งและเป็นหินสีแดงๆ จนทำให้รู้สึกว่า “มันก็เหมือนๆ กันหมดน่ะแหละ” แต่เอาเข้าจริง (หลังจากได้ไปมาและพิสูจน์ด้วยตัวเอง) มันมีความสวยงามแตกต่างกันไปครับ โดยเฉพาะที่ Zion นี้ ก่อนตัดสินใจมาแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อหรือนึกอยากจะมาเลย แต่เอาเข้าจริงมันสวยมากๆ เขาบอกว่ามีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนที่นี่ถึงปีละ 3 ล้านคน!
ที่นี่มีหลาย trail หลายวิวให้เดินชม มีกิจกรรมให้ทำเยอะทั้งเดินตามหุบเขา ลุยลำธาร ไต่เขา ปีนหน้าผา ทำให้เวลาเที่ยวในแต่ละจุดต้องใช้เวลาพอสมควร ถ้าจะเอาให้ครบ 3-4 วันยังไม่พอเลย
ผมอยู่ที่นี่แค่สองวันหนึ่งคืนทำให้ไม่ได้เที่ยวทุกจุด (ต้องโทษตัวเองเพราะช่วงที่วางแผนเที่ยวไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย คิดว่ามีที่เที่ยวไม่มาก…เสียดาย) สรุปสุดท้าย ได้เดินแค่ 2 trail ก็หมด 2 วันละครับ แต่มันก็สุดยอดจริงๆ
Zion National Park
ถ้าดูตามแผนที่จะมีอยู่ 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ Zion Canyons และ Kolob Canyons
ผมได้ไปแต่ส่วนของ Zion Canyons เลยพูดถึงแต่ที่นี่นะครับ สถานที่เที่ยวใน Zion Canyons ดูไม่ได้ซับซ้อนมากเพราะถนนเส้นหลักในอุทยานเป็นเส้นตรงๆ จะเที่ยวตรงไหนก็ลง shuttle ตามป้าย แล้วเดินต่อตาม trail ที่มี แต่ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางที่ต้องเดินไกลพอสมควรดังนั้นถ้าจะเดินให้ครบ วันนึงๆ คงไปได้ไม่กี่ที่ โดยเฉพาะฤดูหนาวมืดเร็ว ห้าโมงเย็นก็มืดแล้ว เลยอาจทำให้เที่ยวได้น้อยตามไปด้วย
ตัวของ Zion Canyons เองมี 3 ส่วนใหญ่ๆ รายละเอียดของ trail ต่างๆ คลิ๊กตามลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
1) Main Canyons (ลิงค์) จุดชมวิวหลักๆ จะอยู่ที่ Main Canyons นี่แหละครับ
2) Upper East (ลิงค์)
3) The Narrows (ลิงค์)
Trail ที่มีคนนิยมเดินกันก็ตามรูปข้างล่างเลยครับ
การเดินทาง
ผมขับรถจาก Las Vegas ครับ เป็นทางที่สะดวกที่สุด นักท่องเที่ยวหลายคนถ้ามีเวลาจะมาที่นี่และพ่วงที่อื่นๆ ซึ่งรวมอยู่ใน 5 อุทยานแห่ง Utah เลยในคราวเดียว หรือที่เขาเรียกว่าว่า “The Mighty 5 of Utah”
ส่วนของการเดินทางในตัวอุทยาน ช่วงตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณมีนาคม) จนถึงปลายตุลาคม จะมี free shuttle bus คอยบริการเพราะไม่สามารถขับรถส่วนตัวเที่ยวในอุทยานได้ ซึ่งเป็นการบริหารจัดการท่ีดีเลยทีเดียวครับ เพราะช่วงนี้นักท่องเที่ยวจะเยอะมาก (ส่วนฤดูหนาวสามารถขับเข้าไปได้เพราะ shuttle หยุดให้บริการ แต่ที่จอดรถของแต่ละจุดชมวิว น้อยมากๆ นะครับ)
การเดินทางโดย shuttle bus อาจทำได้โดย
1) จอดรถทิ้งไว้ที่โรงแรมในเมือง Springdale แล้วนั่ง shuttle bus (ฟรี) มาลงที่ Visitor Center แล้วต่อรถ shuttle เข้าไปเที่ยวในอุทยานอีกที
ป้ายรถ shuttle เมือง springdale
2) ขับรถไปจอดที่ Zion Canyon Visitor Center แล้วค่อยต่อ shuttle เที่ยวในอุทยาน
ป้ายรถ shuttle ในอุทยาน Zion และข้อมูลที่เที่ยวของจุดต่างๆ
ตารางเวลารถ shuttle (ข้อมูลปี 2016) หารายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ลิงค์นี้ ครับ
ที่พัก
ที่พักที่สะดวกคือบริเวณเมือง Springdale ซึ่งอยู่นอกอุทยาน มีโรงแรมเยอะมาก ร้านขายของ ร้านอาหารเพียบ และสามารถเดินทางไปยังตัวอุทยานได้สะดวก
บทความนี้จะเน้น 2 trail คือ Observation Point และ The Narrows นะครับ เพราะที่อื่นไม่ได้ไป
Observation Point
ที่จุดนี้เป็นจุดสูงสุดที่มองลงมาเห็นวิวของ Main Canyon ในมุมกว้าง โดยเริ่มต้น trail ที่จุดจอด shuttle ป้าย Weeping rock ระยะทางไป-กลับประมาณ 13 กิโลเมตร เส้นทางก็ตามรูปด้านล่างครับ…ไต่สูง คดเคี้ยวและเดินนานประมาณ 4-6 ชม. คิดว่าน่าจะหอบแฮ่ก (หรืออาจเดินไม่ถึงก็ได้…)
พอดีมีบางเวบเขาแนะนำอีกเส้นทางนึงซึ่งสั้นกว่า พวกเราก็เลยไปเดินอีก trail นึงที่จะเหนื่อยน้อยกว่า คือ เดินขึ้นทาง East Mesa trailhead ระยะทางไป-กลับประมาณ 10 กิโลเมตรและไม่ต้องไต่เขาชันๆ ใช้เวลาประมาณ 2-4 ชม. แต่ข้อเสียของ East Mesa trail คือ วิวระหว่างเดินจะไม่สวยเท่าเพราะมีแต่ป่า ไม่มีวิวภูเขาและหุบเขาให้ดู
เปรียบเทียบเส้นทางเดินของทั้ง 2 ทางตามรูปครับ
ส่วนรูปล่าง เป็นเส้นทางขับรถไปยัง East Mesa Trailhead จาก Visitor Center
สรุปวิธีไป East Mesa Trailhead คือ ขับรถผ่านทางเข้า Visitor Center มาจะเจอทางเลี้ยวขวาเข้าเส้น Route 9 ขับต่อมาเรื่อยๆ ช่วงแรกของถนนนี้จะคดเคี้ยวมาก แต่ก็ไม่ได้ขับยากอะไร ขับไปประมาณ 20 นาที จะเจอจุดชมวิวให้แวะพักแป๊บนึง ชื่อ Checkboard Mesa point ลายของภูเขานี้จะเป็นช่องสี่เหลี่ยมคล้ายตารางหมากรุก
ขับต่อไปอีกไม่เกินสิบนาที ก็ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนน North Fork County Road และขับต่อไปอีกเกือบ 9 กิโลเมตร เจอประตูทางเข้า Ponderosa Resort (ทางด้านซ้าย) ก็ให้เลี้ยวเข้าไป จากจุดนี้ถนนจะไม่ได้ลาดยางแล้ว ถ้ามาช่วงฝนตกน่าจะลำบากเพราะดูจากร่องรอยล้อแล้วอาจมีติดหล่มได้ ควรหลีกเลี่ยง
ตรงต้น trail จะมีที่จอดรถเล็กๆ (เน้นว่าเล็กมาก) สองข้างทางเป็นป่า มีต้นไม้ไม่หนาแน่นมาก และไม่ได้มีวิวอะไรให้ดูนัก แต่เส้นทางชัดเจนเดินง่าย แต่ก็เหนื่อยเอาการเหมือนกัน
เดินประมาณชั่วโมงครึ่งก็มาถึงจุดชมวิวซะที ยิ่งใหญ่อลังการมาก จุดนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 6,508 ฟุต พวกเราใช้เวลาเดินไปกลับและอยู่ถ่ายรูปข้างบนรวมเวลาทั้งหมดก็ประมาณ 3 ชั่วโมง
จากจุดนี้มองลงไปจะเห็น trail ที่เดินมาจาก Weeping rock และเห็นวิวของหุบเขาซึ่งเป็นส่วนของถนนเส้นหลักใน Main Canyons วิ่งขนานไปกับ Virgin River
จาก Observation Point เราสามารถมองเห็น Trail ยอดฮิตของที่นี่อีกที่นึงด้วยครับ คือ “Angels Landing” แต่ด้วยความที่น่าจะเดินยากและอันตราย เพราะทางเดินต้องไต่ตาม “สัน” เขาที่กว้างประมาณ 1-2 ฟุตโดยมีโซ่เป็นหลักยึด ด้วยระยะทาง 1-2 ไมล์ (ตามรูปข้างล่าง) ทางคณะเราถกเถียงกันอยู่นานว่าจะเดินดีไหม สรุปมติสุดท้ายคือ “ขอผ่าน” และเลือกมา Observation Point แทน
ทางเดินของ Angels Landing น่ากลัวทีเดียว แต่คนก็เดินเยอะพอสมควร
ตอนเดินกลับก็เกือบมืดพอดี จริงๆ ถ้าดูพระอาทิตย์ตกได้ จะสวยมาก แต่ถ้ามืดแล้วคงเดินออกมาลำบากเพราะสองข้างทางเป็นป่า และไม่มีไฟเลย เลยตัดใจเดินกลับก่อนมืดดีกว่า ระหว่างขับรถกลับเจอฝูง Elks เป็นระยะๆ
The Narrows
วันต่อมาพวกเราวางแผนว่าจะไปเดิน trail ที่มีชื่ออีกที่หนึ่งของ Zion คือ The Narrows ซึ่งเป็นทางที่เดินล่องไปตามแม่น้ำสายหลักของอุทยาน คือ Virgin River หลายช่วงต้องเดินลุยน้ำ โดยระดับน้ำ ความแรงและความเย็นของน้ำจะแปรตามฤดู รายละเอียดตามรูปข้างล่างครับ
ความลึกของน้ำก็ตั้งแต่ข้อเท้าไปจนถึงหน้าอกได้ ช่วงที่ผมไป คือ ปลายเดือนพฤศจิกายน ปริมาณน้ำจะไม่มาก ระดับน้ำสูงสุดที่ลุยนี่ประมาณต่ำกว่าสะโพกเล็กน้อย (ของคนสูงเกือบๆ 170)
ข้อควรระวัง ถามข้อมูลให้แน่ชัดว่ามีโอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน (flash flood) หรือไม่ อย่าชะล่าใจ! ถึงแม้สภาพอากาศที่อุทยานจะดีไม่มีฝน แต่การเกิด flash flood นั้นขึ้นอยู่กับอากาศของต้นทางแม่น้ำด้วย ก่อนผมไปเพิ่งมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากนำ้ท่วมฉับพลันไปเมื่อ 2 เดือนก่อนนี่เอง
การเตรียมตัว
1. การแต่งตัว จำเป็นต้องเช่ารองเท้า, ถุงเท้า, ไม้ stick และกางเกงกันน้ำจากบริษัทเอกชนที่อยู่ภายนอกอุทยาน (Zion Adventure Company) แต่ถ้าจะเดินไปไกลกว่าจุด Wall Street น่าจะต้องเช่า “ชุดกันน้ำ” กันเลยเพราะระดับน้ำอาจถึงหน้าอก ในกรณีที่เดินไปไม่ไกลมากและเดินในฤดูร้อน กางเกงกันน้ำอาจไม่จำเป็นเพราะระดับน้ำไม่สูงและน้ำไม่เย็น ใส่ขาสั้นก็ลุยได้สบาย
ค่าเช่าอุปกรณ์ต่างๆ ตามรูปด้านล่างครับ (ข้อมูลเพิ่มเติม) มีอุปกรณ์อื่นๆ ให้เช่าต่างหากแล้วแต่ต้องการเช่น กระเป๋ากันน้ำ กางเกง fleece เป็นต้น และจะมีวีดีโอแนะนำการปฏิบัติตัวให้ดูสั้นๆ ก่อน
2. ห้องน้ำ ให้เข้าห้องน้ำตรงป้ายรถให้เรียบร้อยก่อนเดิน เพราะภายในไม่มีห้องน้ำอีกเลย…..
3. อาหารและน้ำดื่ม สามารถหาที่แวะพักกินได้เพราะมีเนินหรือริมแม่น้ำให้นั่งได้เป็นช่วงๆ แต่ต้องรักษาความสะอาดกันด้วยครับ กินเสร็จแล้วก็เก็บขยะใส่ถุงใส่เป้เอาออกมาทิ้งข้างนอก
ระยะทาง
ความใกล้ไกลที่จะเดินขึ้นอยู่กับว่าจะเดินไปถึงไหน ปกติจะมี 2 เส้นทางหลัก คือ
1. Top-down thru hike เส้นทางนี้ต้องเดินกันเป็นวันๆ และต้องทำเรื่องขออนุญาตอุทยานก่อน
2. Bottom-up เป็นเส้นทางที่เราจะเดินนี่แหละครับ ง่ายและสั้นกว่า ระยะทางเต็มๆ ก็ประมาณ 9 กิโลเมตร (one-way) แต่มักเดินกันไม่ถึงเพราะพอเลยจุดสิ้นสุดของ Wall Street แล้ว จะต้องผ่านช่วงที่น้ำลึกที่สุดคือประมาณหน้าอก และเนื่องด้วยกลัวกลับไม่ทันมืด พวกเราก็เลยเดินกันถึงแค่ Wall Street ซื่งรวมๆ ก็ประมาณเกือบ 5 กิโลเมตร (one-way) ตามจุดสีม่วงในแผนที่ข้างล่างครับ
จุดเริ่มต้นของทางนี้ ให้ลง shuttle ที่ป้าย Temple of Sinawava และเดินเข้ามาตาม Riverside Walk trail ประมาณ 1.6 กิโลเมตร
จุดสิ้นสุด Riverside Walk Trail เป็นจุดเริ่มต้นของ The Narrows
เริ่มลุยกันเลย!
วิวสองข้างทาง จะเป็นผนังหินของภูเขาขนาบสองข้าง พื้นของแม่น้ำเป็นหินกลมๆ มนๆ ไม่ค่อยลื่น แต่บางช่วงน้ำจะแรง ทำเอาเซไปเหมือนกัน ดังนั้นไม้ stick จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อการทรงตัว ช่วงฤดูใบไม้ร่วงน่าจะมีใบไม้เปลี่ยนสีให้เห็น แต่ช่วงที่ไปนี้ใบไม้ร่วงหมดเกลี้ยงแล้ว เลยดูแห้งๆ หน่อย อากาศช่วงเดินมักจะไม่ร้อน ถึง ขั้นหนาวทีเดียว เพราะมีภูเขาบังแดด
ระหว่างทางมีน้ำตกเล็กๆ ไหลมาจากด้านบนของ canyon คือ Mystery Falls
แต่ก็ไม่ได้เดินในน้ำตลอด สามารถเดินบนพื้นหินได้เป็นบางช่วงและสามารถนั่งพักได้
พอเดินผ่านทางแยกที่จะเข้า Orderville Canyon มา ก็จะเริ่มเข้าสู่ส่วนของ Wall Street ซึ่งผนังของ canyon จะแคบเข้าจนถึงจุดที่แคบที่สุด ที่ต้องเดินลุยน้ำตลอด
Floating Rock
จุดนี้เป็น landmark ของที่นี่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป ตอนช่วงบ่ายจะมีแสงแดดตกกระทบผนังหินทำให้เห็นเป็น background ของผนังหินสีส้ม สวยมากๆ
ระหว่างทางช่วงเวลาก่อนเที่ยงหรือบ่ายแก่ๆ จะเห็นแสงแดดฉาบผนัง canyon เป็นสีส้มสวยทีเดียว
พวกเราใช้เวลาเดินทั้งหมด 5 ชั่วโมงกว่าๆ ออกมาถึงป้ายรถก็เกือบมืดพอดี นั่งรถกลับด้วยความอ่อนล้า แต่ประทับใจและคุ้มค้ามากๆ เพราะไม่เคยเดิน trekking ที่ต้องลุยน้ำด้วยระยะทางยาวไกลขนาดนี้มาก่อนและธรรมชาติก็สวยงาม ยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์มากเช่นกัน