ข้อผิดพลาดคือเสน่ห์ของการเดินทาง (จริงหรือ)

ช่วยไลค์ช่วยแชร์ครับ

10 common travel mistakes (based on true stories)

คำกล่าวที่ว่า “จุดหมายปลายทางนั่นสำคัญ แต่เรื่องราวระหว่างทางนั้นสำคัญกว่า” ดูเหมือนจะเป็นความจริงอยู่เสมอครับ ถึงแม้บางทีปลายทางอาจไม่สวยงามอย่างที่คิด ทั้งเหตุปัจจัยทางธรรมชาติ สภาพอากาศ แต่เรื่องราวระหว่างนั้นสร้างสิ่งน่าจดจำอีกมากมาย ซึ่งก็รวมไปถึงความผิดพลาดหลายๆ อย่างด้วย

แต่ตอนเกิดเหตุนั่นคงจะเซ็งหรือไม่ก็อยากทุบหัวตัวเอง แต่พอเวลาผ่านมาก็ทำให้ยิ้ม (อย่างเอือมระอาตัวเอง) ได้ทุกที หลายๆ อย่างเคยคิดอยู่ว่า จะพลาดได้ไง เรื่องขี้ปะติ๋ว แต่ก็พลาดมาเยอะแล้วครับ มาดูตัวอย่างกันเลย

1. จองผิดเดือน

ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน เช่ารถ ดูวันเดือนให้ดีๆ ก่อนนะครับ

โดยเฉพาะเวลากด back ใน web browser ไปๆ มาๆ บางทีตัวเลือกที่เลือกไว้มันจะ reset กลับไปแบบตั้งต้น ถ้าบังเอิ๊ญเจอราคาถูกกว่าอาจจะมือลั่นโดยไม่เช็ครายละเอียดดีๆ ก่อน มาเห็นอีกทีตัดบัตรเครดิตไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ยกเลิกฟรีก็….จบข่าว

2. จองผิดเกียร์

เดี๋ยวนี้เรามักจะถนัดขับรถเกียร์ออโต้ แต่หลายประเทศโดยเฉพาะฝั่งยุโรป เขายังมีใช้เกียร์กระปุก (เกียร์แมนวล) อยู่ เวลาเข้าเว็บจองเห็นราคาถูกๆ นี่เกียร์กระปุกทั้งนั้นนะครับ ดังนั้นอย่าลืมไปเลือก filter ให้เป็น automatic transmission ด้วยนะ อันนี้เคยมาแล้ว ไปถึงเคาน์เตอร์ขอเปลี่ยนก็โดน charge ราคาเพิ่มไปตามระเบียบ (พวกนี้จองออนไลน์ไปจะถูกกว่าพอสมควร)

แต่ระวังนะครับ อย่างที่เตือนไป ถ้ากด back ไปมา บางทีตัวเลือกที่เลือกไว้มันจะหายไป ต้องเลือกใหม่ด้วย

3. มาผิดคืน

พร๊อพพร้อม คนพร้อม พาสปอร์ตพร้อม แต่…

หลายคนอาจจะเคยพลาดมาก่อน เพราะมันจะเกิดความสับสนกันเมื่อเวลาเครื่องออกเป็นช่วงเที่ยงคืน เช่น 6 มีนาคม 00.45 น. นั่นหมายถึงต้องไปถึงสนามบินคืนวันที่ 5 ไม่ใช่ไปคืนวันที่ 6 นะจ๊ะ

4. จดหมายผิดซอง

เปรียบเปรยกับการ “หยิบพาสปอร์ตไปผิดเล่ม” เป็นความผิดพลาดที่ให้อภัยตัวเองไม่ได้จนถึงวันนี้ (ลืมพาสปอร์ตยังน่าเจ็บใจน้อยกว่า) พาตัวไปอยู่ที่ชายแดนไทยเขมรเรียบร้อย แต่ชะงักที่ ตม.ไทยซะงั้น ดันไปหยิบเล่มเก่ามาซึ่งมันก็ไม่หมดอายุแต่มีอายุไม่ถึง 6 เดือน (ทั้งที่ทำเล่มใหม่เรียบร้อยแล้ว และประเด็นคือพอได้เล่มใหม่ เล่มเก่าก็โดนยกเลิกไปตามระเบียบ เลยใช้ไม่ได้) ที่น่าเจ็บใจก็คือก่อนมาก็เช็คแล้วเช็คอีกว่ายังไม่หมดอายุ ไม่ผิดเล่มนะ…แต่ก็ผิด

5. เที่ยวผิดวัน

ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดแห่งชาติ มาผิดฤดู อากาศไม่ดี สถานที่ปิดซ่อมแซม เจอมาหมดละครับ ตัวอย่างเช่น

วันแรงงาน ของบางประเทศ พวกขนส่งมวลชน เช่น รถไฟ รถเมล์ หยุด! ถ้าไม่รู้ก็…เดินสิครับ ที่เคยเจอมาจังๆ ก็ของฝรั่งเศส รถไฟใต้ดิน…ปิด รถเมล์…ปิด ร้านรวง….ปิด ได้แต่เดินเหงาหงอยท่ามกลางฝนพรำ และกลับไปนอนโรงแรมตามเดิม

 

วันคริสต์มาส ภาพในใจคือตลาดคริสต์มาสคึกคักทุกคนฉลองกันเต็มพรึ่ด แต่ความจริง ป่าช้าเห็นๆ

 

แต่บางทีก็ดีเหมือนกัน ที่เที่ยวนี่ไม่มีคนเลย ถ่ายรูปได้แบบโล่งๆ (ฮา)

 

พิพิธภัณฑ์ หลายที่ปิดวันจันทร์นะครับ เช็คให้ดีก่อน

 

อยากล่าช้าง แต่ดันเลือกไปเที่ยววันพระจันทร์เต็มดวง…สว่างจ้าาาา

6. อยู่ๆ ก็ไม่มีที่นอนซะงั้น

นี่เป็นอีกส่ิงหนึ่งที่จะชะล่าใจไม่ได้นะครับ เพราะหลายครั้งที่เที่ยวเพลิน ไปถึงโรงแรมช้าโดยเราไม่ได้บอกว่าจะไปเช็คอินช้า เขาอาจไม่เก็บห้องให้เรานะครับ หรือเก็บห้องแต่พนักงานไม่อยู่แล้ว พวกนี้อาจเกิดขึ้นได้กรณีเหล่านี้ครับ เช่น

  • เคาน์เตอร์เช็คอินไม่ได้เปิด 24 ชั่วโมง พอไปถึงเขาก็กลับไปแล้ว
  • ที่พักเป็นแบบอพาร์ตเม้นท์หรือบ้าน เช่น พวก bed and breakfast, airbnb ที่เราต้องนัดเวลาเอากุญแจ
  • ดังนั้นต้องตรวจสอบเวลา check-in ให้ดีว่าเขาให้ถึงกี่โมง ถ้าเราจะไปถึงหลังจากนั้นให้อีเมลไปบอกเขาตั้งแต่ตอนจองครับ ถ้าเขาจัดการให้เราไม่ได้ จะได้เปลี่ยนโรงแรมทัน (แบบยกเลิกฟรี) และ…พอใกล้วันเดินทาง ควรอีเมลไปยืนยันเวลาถึงอีกรอบนะครับ กันเหนียวไว้ก่อน
  • ถ้าที่พักเป็นพวก apartment, airbnb, bed and breakfast ให้อีเมลบอกเวลาถึงโดยประมาณของเราและถามวิธีการเข้าบ้านหรือห้องพักด้วยเช่นเดียวกันนะครับ เพราะปกติพวกนี้ไม่มีเคาน์เตอร์ check-in เจ้าของบ้านเขาจะมารอส่งกุญแจให้เรา หรือเขาจะแจ้ง code ทางอีเมล ถ้าเราลืมถาม (กรณีที่เขาก็ลืมบอก) จะไม่ได้เข้าบ้าน

…แล้วทำไงล่ะครับ นอนในรถคงไม่ใช่ทางเลือกที่น่าสนใจนัก ดังนั้น ดูช่วงเวลาที่เขาให้เช็คอินให้ดี ถ้าไปสายแน่ๆ ให้อีเมลบอกเขาล่วงหน้าด้วย บางที่นอกจากเสียค่าโรงแรมฟรีแล้ว อาจต้องเสียค่าปรับ (no show) ด้วย

7. มีโรงแรมไม่เท่ากับมีที่จอดรถเสมอไป

ถ้าขับรถเที่ยว สิ่งที่ลืมไม่ได้อีกอย่างคือ “ที่จอดรถ” ครับ ควรเลือกโรงแรมที่มีที่จอดรถ และแจ้งเขาด้วยว่าเราต้องการที่จอดรถ เพราะหลายโรงแรมที่จอดมีไม่พอ อาจต้องจองไว้ก่อน จะไม่ง้อมาหาที่จอดข้างทางก็เสียค่าจอดกันอานเลย แล้วถ้าจอดผิดที่ผิดทางค่าจอดนี่อาจจะแพงกว่าค่าโรงแรมอีกนะครับ

ถ้าที่จอดเยอะแบบนี้ก็ไม่มีปัญหา

เคยลืมจองที่จอดรถ ถึงขนาดวนหาที่จอดไม่ได้ จนต้องขับรถไปคืนที่สนามบินแล้วค่อยกลับมานอนที่โรงแรมอีกที (พอดีวันรุ่งขึ้นต้องไปคืนรถที่สนามบินอยู่แล้ว แต่ก็ย้อนไปย้อนมาเสียเวลานอนมาก)

Tips: อย่าลืมเลือกโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ สถานที่เที่ยวในเมืองหน่อยครับ เราจะได้จอดรถทิ้งไว้แล้วเดินเที่ยวอย่างสบายใจ ไม่ต้องไปวนหาที่จอดให้เสียเวลา เสียเงินกันอีก

 

8. ทางแสนชันกับกระเป๋าใบใหญ่

ถึงจะเป็นยุค 4.0 แต่โรงแรมก็ไม่ได้มีลิฟต์ทุกที่นะคร้าบ โดยเฉพาะพวกเมืองมรดกโลก หรือพักโซนในเมืองเก่า (old town) บันไดล้วนจ้า อ่านรายละเอียดก่อนจองให้ดีๆ หรืออีเมลไปถามโรงแรมเลยก็ได้ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้

ถ้าเมืองไหนปลอดภัยมากๆ แล้วเราขับรถไปก็เอากระเป๋าใหญ่ทิ้งไว้ในรถ แบ่งของที่ต้องใช้ใส่เป้ก็ทุ่นแรงไปได้มาก (แต่เน้น! ประเทศที่ปลอดภัยเท่านั้นครับ ไม่งั้นอาจได้พบเศษกระจกรถตอนเช้าวันรุ่งขึ้นแน่ๆ)

9. เสียน้อยเสียยาก

ไปบ้านเขาอย่าลืมทำตามกฎเขาครับ การจอดรถอย่าคิดว่าจอดแป๊บเดียวไม่มีใครมาทันเห็นหรอก อย่าประมาทครับ แค่กระพริบตาเดียวใบสั่งก็ปลิวมาติดหน้ากระจกรถได้

หรือบางที่เป็นมิเตอร์หยอดเหรียญ ก็กะเวลาดีๆ ครับ ถ้าเลยเวลาก็โดนเหมือนกัน ผมเคยเลยเวลาไป 5 นาที รีบวิ่งกลับมาจะหยอดมิเตอร์เพิ่ม แต่…ไม่ทันคุณตำรวจซะละ ครั้งนั้นโดนไป 100 ดอลลาร์ (อดข้าวประท้วงตัวเองไปสามวัน) นี่รวมไปถึงตอนขับรถด้วยนะ ทำตามกฎ ป้ายหยุดก็หยุดให้สนิท ให้คนข้ามทางม้าลายก่อนเสมอ และอย่าล้อเล่นกับ speed limit! (โดนมาแล้วเหมือนกัน…) อ่านบทความเก่าๆ เรื่องขับรถได้ ที่นี่ ครับ

 

10. ระวังจะอดถ่ายรูป

การไปเที่ยวแต่ละที่ เราก็อยากเก็บความทรงจำไว้ในภาพถ่ายด้วย เพราะเป็นคนความจำสั้น ยิ่งเปลี่ยนเลนส์บ่อยเท่าไรก็ยิ่งเสี่ยงเท่านั้นถ้าไม่ระวังและสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยฝุ่น ขนาดบังแล้วบังอีกยังเป็นตามรูปข้างล่างเลยครับ เกิดเหตุที่แดนทะเลทรายอย่างอียิปต์ ฝุ่นทรายลอยฟุ้งอยู่ทั่ว ปิดขนาดไหนฝุ่นก็ยังมาเต็มจ้า เล่นเอาเซ็งไปเลย

อีกเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ลืมกันบ่อยก็คือ ลืมแบตเตอรี่สำรอง และที่ชาร์ตแบต จะไปหาซื้อใหม่บางที่ก็หายากนะครับ จะยืมเพื่อนมันก็มองตาเขียวเพราะมันก็จะใช้เหมือนกัน (ขี้งก) ดังนั้นตอนจัดกระเป๋าก็เช็คดีๆ

ผมไม่เคยลืมเอาไปจากบ้าน แต่เคยทีนึงตอนเที่ยวที่ Bryce Canyon รีบตื่นแต่ไก่โห่ ขับรถดุ่ยๆ ไปจุดชมวิวเพื่อถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น แต่พอถึง…ก็รู้ว่าหยิบมาแต่กล้อง แต่แบตลืมไว้ที่ปลั๊กที่โรงแรม อยากจะกระโดดลงเหวไปซะตอนนั้น ยังโชคดีที่โรงแรมอยู่ห่างแค่ขับรถไม่ถึง 10 นาที เลยกลับมาได้ทันรูปล่างพอดี๊ พอดี

 

นี่เป็นตัวอย่างที่เจอมาเองเต็มๆ คงเป็นอุทาหรณ์ให้หลายๆ คนได้ระมัดระวังกันบ้างครับ แต่อย่างที่บอกมันก็เป็นความทรงจำที่ดีได้เหมือนกัน ยิ่งอุปสรรคเยอะจะยิ่งจำทริปนั้นได้แม่นยิ่งขึ้น (ฮา)

 

 

 

About Breathe My World 68 Articles
A man who love travelling the world.