ไอซ์แลนด์ประเทศในฝันของหลายๆ คน ที่มักจะมีภาพจำของการล่าแสงเหนือและนกพัฟฟินแสนน่ารัก แต่จริงๆ มีมากกว่านั้น ภูมิประเทศหลากหลายมาก คนที่ชอบธรรมชาติต้องไม่พลาด ในที่สุดก็ได้มาเยือนซักที
สารบัญ
ประเทศไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศไม่ใหญ่ แต่ก็ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ถ้าจะเที่ยวให้รอบเกาะ เอาง่ายๆ ประเทศไอซ์แลนด์อาจแบ่งเป็นโซนๆ เพื่อสะดวกในการวางแผนท่องเที่ยว
1. เมืองหลวงและ southern peninsula มีเมืองหลวงคือ Reykjavik และสนามบินหลักคือ KEF International Airport
2. Southern area (south coast) เป็นจุดที่คนนิยมมาเที่ยว โดยจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงก็อยู่แถบนี้เกือบทั้งหมด มีเมืองหลักๆ ที่สามารถแวะพักได้สะดวก คือ Vik
3. Eastern area มีเมืองหลักๆ ที่นิยมมาพัก/กินและแวะเที่ยว คือ Hof, Hofn (อยู่ทาง southeast) และ Egilssaoir, Seydisfjordur (อยู่ทาง east)
4. Northern area มีเมืองใหญ่ที่นิยมแวะพัก/กิน คือ Akureyri
5. Western area และ Snaefellsnes Peninsula เป็นอีกโซนที่คนมักมาเที่ยวกันเพราะมีภูเขาสัญลักษณ์สำคัญของไอซ์แลนด์อยู่แถบนี้ คือ Kirkjujfells แถบนี้มีเมืองเล็กๆ ให้แวะพัก/กินได้ เช่น Grundarfjordur, Rif, Arnarstapi, Akranes และ Borgarnes
6. Westfjords เป็นโซนที่อยู่ตะวันตกสุด ค่อนข้างห่างไกลสุด คนไม่ค่อยแวะมา เพราะต้องใช้เวลาเพิ่มจากเส้นทางปกติอย่างน้อย 1-2 วัน และขับรถจากเส้นทางหลักค่อนข้างนาน (4-6 ชม) และถนนหนทางก็เป็นลูกรังซะส่วนใหญ่ ต้องใช้รถ 4WD จุดเที่ยวหลักๆ ของ Westfjords คือ Dynjandi Falls (ใหญ่และสวยมากกกก), Latrabjarg (จุดชมนกพัฟฟินที่ใหญ่ที่สุด), Raudisandur (หาดทรายสีไม่ดำที่หาได้ยากในไอซ์แลนด์ และที่นี่ถ้าแสงดีๆ จะเห็นหลายๆ สีเป็นริ้วๆ), Gardar BA 64 Shipwreck และ Djupavik village
7. Highland อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นดินแดนห่างไกลกันดารที่สุด ถนนเป็น F road เปิดให้เที่ยวเฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น (ปลาย มิ.ย. ถึงประมาณ ต.ค.) เป็นโซนที่มีภูมิประเทศแปลกตาและสวยมากกก ถ้าขับรถเข้าไปก็ต้องลุยกันหนักอยู่ มีขับรถลุยลำธาร นอนแคมป์ ฯลฯ หรืออีกทางเลือกคือ หาทัวร์เครื่องบินเล็ก บินชมวิวมุมสูงได้ โดยทัวร์จะขึ้นที่ Skaftafell terminal
รวมลิงค์ทุก episode:
EP.1 🌸 เกริ่นนำ
EP.2 🌸 Golden Circle
EP.3 🌸 South Coast
EP.4 🌸 Southeastern part
EP.5 🌸 Eastern to Diamond Circle
EP.6 🌸 Westfjords และ Snaefellsnes Peninsula
ไปตอนไหนดี
จะตอบคำถามนี้ได้ก็ต้องถามก่อนว่า “อยากไปทำอะไร” ซึ่งจุดประสงค์ของคนเที่ยวไอซ์แลนด์ส่วนใหญ่ก็จะมีหลักๆ 2 อย่าง
1. ล่าแสงเหนือ อันนี้ต้องมาฤดูหนาวแน่นอน (ประมาณ ต.ค.-เม.ย.)
2. วิวทิวทัศน์เขียวชอุ่ม และนกพัฟฟินแสนน่ารัก อันนี้ก็ต้องฤดูร้อน (แนะนำประมาณ มิ.ย.-ส.ค.) น้องพัฟฟินจะเริ่มมาที่ไอซ์แลนด์ช่วง พ.ค.-ต้นๆ ส.ค.
3. ชอบเที่ยวเมืองชิคๆ ชอบชอปปิ้ง แนะนำไปประเทศอื่นครับ
แพลนของผม เป็นจุดประสงค์ที่ 2 ครับ ซึ่งช่วงฤดูร้อนจัดเป็น high season ของที่นี่ ส่วนใหญ่จะเขียวชะอุ่ม ดอกไม้บานสะพรั่งตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย.เป็นต้นไป และถนนสู่ Highland เปิดให้รถเข้าแล้ว แต่ที่ผมมาจะเป็นช่วงรอยต่อหน่อยๆ คือ ต้นมิถุนายน (4-12 มิ.ย. 2023) เพราะว่างแค่ช่วงนั้น สรุปเส้นทางและเมืองแวะพักตามรูปด้านล่างครับ **ไม่ค่อยแนะนำให้ไปตามนี้ครับ เพราะมันเหนื่อยยย (เที่ยววันละ 12-16 ชม. เข้าที่พักเกือบเที่ยงคืนทุกวัน) และใช้ได้เฉพาะฤดูร้อนที่กลางวันยาวนานมากๆๆๆ ความเห็นผมควรเพิ่มวัน อย่างน้อย 2-3 วันจะเที่ยวสบายครับ แต่ถ้าเวลาน้อยก็ลองครับ ต้องอึดนิดนึง
เครื่องบิน
✈️ งงตาแตก 😂 ตอนแรกคิดว่าหาง่ายๆ เพราะเห็นคนไทยไปกันเยอะ ไม่มีบินตรง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ว่าจะไปต่อเครื่องที่ไหนดี
✈️ ช่วงที่ไป (2023) เป็นช่วงที่โลกปรับตัวให้อยู่กับโควิดใหม่ๆ ราคาตั๋วเลยแพง บินไปทีสี่หมื่นอัพ เลยงงอยู่นานว่าจะไปต่อไหนดีให้ถูกๆ
✈️ เมืองที่นิยมไปต่อเครื่อง คือ Copenhagen, Oslo, London, Amsterdam ก็เลือกกันตามราคา เวลาเปลี่ยนเครื่อง ฯลฯ ถ้าซื้อแบบรวดเดียวก็ไม่ต้องเอากระเป๋าออกมาเช็คอินใหม่ แต่ถ้าจองแยกก็คงต้องรับกระเป๋า ผ่าน ตม. เช็คอินซ้ำตอนต่อเครื่อง
✈️ ส่วนเที่ยวบินต่อไปยังไอซ์แลนด์ที่นิยมกันคือ Iceland Air ครับ มีอีกสายการบินที่นิยมต่อไปไอซ์แลนด์ คือ Play ครับ
ผมเลือกบินกับ KLM ไปแวะพักที่ Amsterdam 19 ชม. เลยถือโอกาสแวะเที่ยวที่อัมสเตอร์ดัม 1 คืน ก่อนบินต่อไปไอซ์แลนด์ (กระเป๋า check through ครับ สะดวกดี ก็แบ่งสัมภาระส่วนหนึ่งขึ้นเครื่องเพื่อนอนที่อัมสเตอร์ดัมคืนนึง) สนนราคาตั๋วไปกลับถูกกว่าบิน route อื่น (ประมาณ 38,000 บาท)
ทำวีซ่า
✏️ เป็นวีซ่าเชงเก้น (ถ้าใครมีเชงเก้นที่ยังไม่หมดอายุ ก็ไม่ต้องทำของไอซ์แลนด์ครับ…จะโชคดีมาก ถ้าไม่ต้องทำ เหตุผลอ่านด้านล่างครับ)
✏️ ทำวีซ่าผ่านสถานฑูตเดนมาร์ก
✏️ จองวันนัดทำวีซ่า >>> คลิ๊ก
✏️ ลงข้อมูลและจ่ายเงิน (80 euro, ราคาตอนปี 2023) >>> คลิ๊ก
✏️ รายละเอียดจะเหมือนกับการขอวีซ่าเชงเก้นของประเทศอื่นๆ ครับ ลองศึกษาที่ >>> คลิ๊ก
✏️ ระยะเวลาการรอคอย (ประสบการณ์ยื่นขอปี 2023) อันนี้ให้คะแนนความพอใจติดลบ 100 เพราะรอนาน (แต่หลายคนก็ได้เร็ว ผมคงซวยด้วยล่ะมั้ง) อุตส่าห์รีบไปทำก่อนเที่ยวเกือบ 3 เดือน เพราะมีเรื่องต้องเดินทาง 1 เดือนก่อนไปเที่ยวเผื่อจะได้วีซ่ามาก่อนเดินทาง แต่สรุปว่า ไม่รู้เขามีตรรกะอะไรในการพิจารณาวีซ่า ถามไปก็ได้แต่ตอบมาว่าให้รอ 15-45 วัน แล้วระบบติดตามทางเว็บไซด์ก็ไม่ขึ้นอะไรเลย แนะนำว่าถ้าใครจะต้องใช้พาสปอร์ตเดินทางก่อนจะไปเที่ยวไอซ์แลนด์ เวลาขอวีซ่าให้บอกเขาไปตอนสมัครเลยว่าเราต้องใช้พาสปอร์ตวันที่เท่าไร “เผื่อ”จะช่วยให้สถานฑูตทำงานตามคิวยื่นได้บ้าง (ปัจจุบันมีคนตั้งข้อสังเกตว่า สถานฑูตใช้เกณฑ์จากวันเดินทาง ถ้าอีกนานถึงเดินทาง ก็จะยังไม่ process เอาเรื่องเราไป “ดอง” ไว้ ทั้งๆ ที่ยื่นล่วงหน้านาน???? เหตุผลที่ไม่เข้าท่าอันนี้ผมไม่รู้ว่าจริงไหม แต่ถ้าจริงล่ะก็….มันแย่มาก ๆ ครับ) กลุ่มเพื่อนผมไปทำล่วงหน้าเกือบ 2 เดือนแต่ได้วีซ่าก่อนเดินทาง 1 วัน!
ไปกี่วัน
อันนี้คงขึ้นอยู่กับว่าจะไปไหนบ้าง❓ ไปฤดูอะไร❓(ฤดูหนาวจะมีช่วงกลางวันน้อย ส่วนฤดูร้อนก็กลางวันนานมากกก) และลักษณะการเที่ยวของแต่ละคน❓แต่โดยทั่วไปผมกะไว้แบบนี้ครับ (ถ้าเที่ยวฤดูหนาวอาจต้องพิจารณาเพิ่มวันตามความเหมาะสมครับ เพราะช่วงสว่างสั้น อาจจะเที่ยวแต่ละวันได้น้อยหน่อยเมื่อเทียบกับฤดูร้อน)
📍ถ้าไม่รอบเกาะ เน้นที่เที่ยวหลักๆ แนะนำทางตะวันตกแถบเมืองหลวง/Peninsula และทางใต้ ก็ 7 วันกำลังดี เที่ยวสบายๆ ไม่รีบ
📍ถ้ารอบเกาะ (รวม Westfjords) แบบสบายๆ อย่างต่ำน่าจะ 10-12 วัน ถ้าไม่แวะ Westfjords ซัก 10 วันกำลังดี
📍ฤดูร้อน ถ้าเข้า Highland ด้วย ก็บวกเพิ่มไปอีกอย่างต่ำ 1-2 วัน
📍ถ้าสนใจกิจกรรมต่าง ๆ เช่น trekking, boat tour, whale watch, airplane tour ฯลฯ ต้องเผื่อเวลาครับ เพราะแต่ละกิจกรรมก็หลาย ชม. อยู่ อาจต้องเพิ่มวันถ้าทำหลายกิจกรรม
แต่….🧐 ของผมแปลกแยกต่างจากคำแนะนำด้านบน เพราะผมแพลนเที่ยวรอบเกาะ รวม Westfjord ด้วยแต่มีเวลาแค่ 8 วัน ในช่วงฤดูร้อน (ผมไปต้นเดือน มิ.ย. 2023 ครับ) เพราะวันลาน้อยแต่โลภมากอยากเที่ยวเยอะๆ เลยเหนื่อยโฮกกกก 😂 และต้องตัดบางสถานที่ออกเพราะไม่ทัน ฤดูร้อนช่วง มิ.ย.-ก.ค. สว่างเกือบ 24 ชม. เลยเที่ยวได้นานหน่อย
โรงแรมที่พัก
🏡 ส่วนใหญ่จองผ่าน booking.com มีให้เลือกเยอะ ราคาสมเหตุสมผล (แต่ก็แพงตามมาตรฐานไอซ์แลนด์) ยกเลิกได้ หรือจองผ่าน agoda ก็ได้ครับ ลองเปรียบเทียบราคาดู (อย่าลืมเช็คด้วยว่าราคารวมภาษีหรือยัง) ของผมเดินทางกัน 7 คน ส่วนใหญ่เลือกเป็นแบบ Apartment 2-4 ห้องนอน ราคาเฉลี่ยตกประมาณคนละเกือบ 3 พันบาทต่อคืน
🏡 หลายคนเลือกรถแคมป์ปิ้ง/รถบ้าน และพักตาม Camp site อันนี้ประหยัดดีครับ แต่ของผมคนเยอะอาจไม่คล่องตัวนัก และอายุก็พอสมควรกันแล้ว ขออยู่สบายๆ หน่อย 😂
อินเตอร์เน็ต
🌎 มีสัญญาณเกือบทั้งเกาะ แม้ที่ห่างไกลหรือบนเขา ก็ยังมีสัญญาณ (มีน้อยสถานที่มากที่ไม่มีสัญญาณ) แรงบ้างเฉี่อยบ้างแต่ก็สามารถใช้ google map ได้อย่างไม่สะดุด
🌎 ที่พักทุกที่ส่วนใหญ่มี wifi ให้ใช้
ปากท้อง
🍖 เรื่องนี้ต้องแล้วแต่บุคคลครับ ค่าอาหารถ้าซื้อกินจะอยู่ประมาณ 1,000 บาทขึ้นไปต่อมื้อ ขึ้นกับว่ากินอะไร
🍖 ถ้าให้ประหยัดก็ทำกินกันเองครับ เลือกที่พักที่มีครัวและทำอาหารเย็น และทำอาหารกลางวันใส่กล่องไปกินระหว่างทาง (กลางวัน นอกจากประหยัดแล้วก็จะได้ไม่ต้องกังวลหาร้าน/ซุปเปอร์ระหว่างทาง)
🍖 น้ำเปล่า ดื่มจากน้ำประปาได้เลย
🍖 แหล่งอาหารกับวัตถุดิบก็อาศัยซุปเปอร์ครับ (กลางๆ ทริป นี่พอเห็นซุปเปอร์แล้วเหมือนเห็นสวรรค์ แทบจะพุ่งเข้าใส่) ซึ่งมีตามเมือง และปั๊มน้ำมัน แต่ดูเวลาเปิดปิดให้ดีครับ เพราะเขาเปิดช้า (ประมาณ 9-10 โมง) และปิดเร็ว (ประมาณ 18-20 น.) หลายที่วันอาทิตย์ก็ปิดด้วย
การเช่ารถ
🚗 เลือกตามชอบครับ แต่แนะนำของ local ที่นิยมกันคือ Blue car rental (www.bluecarrental.is) และ Lotus car rental (www.lotuscarrental.is) ถ้ากับบริษัทโลคอล สามารถซื้อประกันแบบเต็มที่ได้เลย ไม่ต้องไปลุ้นราคาประกันที่หน้าเคาน์เตอร์
🚗 ผมจองกับ Blue car rental ครับ สะดวกมาก จุดรับรถเดินได้จากอาคารผู้โดยสาร ถ้าทำการ check in online ไปก่อน (เขาจะส่งมาทางอีเมล) ตอนรับรถ แค่ไปเอากุญแจที่ key box แล้วออกรถได้เลย ไม่ต้องติดต่อเคาน์เตอร์ใดๆ ทั้งสิ้น เร็วมาก
🚗 ถ้าจองผ่านเอเจนซี่ เช่น rentalcar, expedia, booking, ฯลฯ ผมแนะนำว่าตอนจองออนไลน์ยังไม่ต้องซื้อประกันเพิ่ม ให้ไปซื้อที่เคาน์เตอร์ครับ เพราะถ้าซื้อผ่านเอเจนซี่ เวลารถเกิดปัญหา เราต้องออกค่าใช้จ่ายไปก่อน แล้วค่อยไปเคลมผ่านเอเจนซี่อีกที แต่ถ้าซื้อประกันที่เคาน์เตอร์ของบริษัทโดยตรงหรือของบริษัท local มักไม่มีปัญหา เวลารถชนหรือเสียหาย เขาจะจัดการให้เลย เราก็ไม่ต้องสำรองจ่ายอะไรเพิ่มเติม
🚗 แนะนำซื้อประกันแบบเต็มที่ไปเลย **ข้อนี้สำคัญมาก เพราะได้ยินว่า แค่เศษฝุ่น เถ้าละอองอะไรกระเด็นมาทำสีรถเสียหาย ประกันธรรมดาจะไม่ครอบคลุม (ตรวจสอบว่ามีประกันพวก sand and ash damage ด้วยนะครับ รวมถึงเรื่องลมแรงปะทะประตูพังด้วย ลมไอซ์แลนด์ไม่ใช่เล่นๆ ครับ เจอกับตัวเอง แต่โชคดีที่ประตูไม่หลุด)
🚗 ถ้าเป็นไปได้แนะนำเช่าเป็น 4WD ยกเว้นว่าขับแต่ highway แน่ๆ ถ้าตะลุย Highland ต้อง 4WD เท่านั้นครับ **แต่ยังไงผมก็แนะนำ 4WD ครับ เพราะทางไปที่เที่ยวบางจุดเป็นลูกรัง กระเด้งกระดอนมาก ถึงจะไม่ใช่ F road แต่ก็อุ่นใจดีครับ
🚗 ตรวจสอบเกียร์ดี ๆ ว่า manual หรือ automatic บางทีรถที่ถูก ๆ จะเป็นเกียร์ manual
ทริปนี้เดินทางกัน 7 คน เช่ารถตู้ ที่เหลือ ๆ
การขับรถ
🔻พวงมาลัยซ้าย กฎจราจรเหมือนๆ กับประเทศอื่นที่เป็นพวงมาลัยซ้ายครับ
🔻ถนนหลักส่วนใหญ่ จำกัดความเร็วไม่เกิน 90 กม/ชม ถ้าใกล้เมืองก็ 70 หรือในเมืองก็ 30-50 กม/ชม ดูป้ายให้ดีๆ ครับ เขาอาจไม่มีตำรวจไล่ตามเหมือนที่อเมริกา แต่ใบสั่งอาจส่งตามมาได้ครับ
🔻ถนนส่วนใหญ่เป็นสองเลน แต่รถไม่เยอะ ขับสบายๆ แต่บางช่วงแคบ ถ้าไปฤดูหนาวที่ข้างทางมีหิมะหนา ระวังตกถนนครับ ให้ดูเสาข้างถนนที่เขาทำไว้เป็นสัญลักษณ์ขอบถนนให้ดีครับ
🔻วิวข้างทางสวย มีม้า มีแกะตามรายทาง น่าถ่ายรูปมาก แต่ที่นี่เหมือนเขาจะซีเรียสเรื่องจอดข้างทางถ่ายรูปนะครับ ควรจอดเฉพาะที่เขาทำเวิ้งให้จอดนะครับ
🔻บางจุดเป็นสะพานที่วิ่งได้เลนเดียว เขาจะมีสัญลักษณ์ตามรูปก่อนถึงสะพาน ให้ชะลอดูด้วยครับว่ามีรถสวนมาหรือเปล่า ถ้าเขาถึงสะพานก่อน เราต้องจอดรอให้เขามาก่อน เดี๋ยวจะไปจูบกันกลางสะพาน
🔻ไม่ต้องเช่า GPS ใช้ google map สบายๆ ทั้งเกาะ
🔻ปั๊มน้ำมัน ลงมาเติมกันเอง ใช้บัตรท่องเที่ยวและบัตรเครดิตได้ อย่าลืมตรวจสอบหมายเลข PIN 4 หลักของบัตรตัวเองมาด้วยครับ (ลองถามธนาคารดูครับ บางธนาคารจะใช้ไม่ได้) บางปั๊มถ้าใช้บัตรเครดิต ตอนตัดบัตรตอนแรกจะตัดเป็นหมื่นเพื่อกันวงเงินไว้ก่อน พอเสร็จแล้วเขาจะคืนเงินมาครับจ่ายเท่าที่เราเติมไม่ต้องตกใจ หรือจะไปจ่ายที่เคาน์เตอร์ซุปเปอร์ในปั๊มก็ได้ (ถ้าไม่ปิด) บางปั๊ม เช่น N1 มีบัตรเงินสดให้ซื้อด้วย ก็ขึ้นกับความสะดวกของแต่ละคนครับ
สภาพรถหลังออกจาก Westjfords ส่วนใหญ่เป็นถนนลูกรัง ถึงจะไม่ใช่ F road แต่…เก็บทุกหลุม 😓 โชคดียางไม่แตก ไม่ตกหล่ม
การใช้จ่าย
💵 ค่าครองชีพแพงมากกก ยกตัวอย่างน้ำมันลิตรละ 60-80 บาท, อาหารตามร้านอาหารตกมืัอละ 800-3,000 บาท (แล้วแต่ว่าจะกินอะไร), น้ำอัดลมขวดละ 80 บาท, น้ำเปล่าดื่มจากน้ำก๊อกได้ปลอดภัย
💵 ใช้เงินโครนของไอซ์แลนด์ (ISK) ปกติแลกจากไทยเป็นยูโร แล้วค่อยไปแลกเป็น ISK ที่ไอซ์แลนด์ แต่จริงๆ แล้วแทบไม่ต้องใช้เงินสดเลย เพราะใช้บัตรเครดิตและเดบิตได้ทุกที่ แต่แนะนำให้ตรวจสอบรหัส PIN 4 หลักของบัตรไปด้วยครับ เพราะหลายที่ เช่น ปั๊มน้ำมัน อาจต้องใส่หมายเลข PIN
💵 ตอนผมไปเตรียมแลกยูโรไปพร้อม แต่….มัวแต่รีบๆ ลืมแลกเป็น ISK ที่สนามบิน 😅 แล้วก็ขี้เกียจหาแลกในเมือง สรุปว่าทั้งทริป ไม่ได้ใช้เงินสดเลย (ใช้แต่บัตรเครดิตกับบัตร Youtrip ของเพื่อน) **ถ้าเป็นร้านค้าใช้บัตรเครดิตได้สบายไม่ต้องใช้ PIN ให้ปวดหัว
เริ่มเดินทาง
สรุปแผนที่เดินทางทริปนี้ของผมตามรูปครับ รวมเที่ยว 7.5 วัน 8 คืน ได้รอบเกาะรวม Westfjords ด้วย แต่ไม่ครบถ้วนตามที่ตั้งใจครับ (แต่ก็ได้จุดหลักๆ เกือบหมด) ซึ่งแต่ละที่ก็ไม่ได้ชะโงกทัวร์นะครับพอได้ดื่มด่ำอยู่ (เขาเรียก ลำไย 😂) แต่ต้องใช้เวลาเที่ยววันละ 12-16 ชม. ออกจากที่พัก 8-10 โมง เที่ยวกันจนเกือบเที่ยงคืนเกือบทุกวัน ผมแนะนำเรื่องการจัดที่เที่ยวจากประสบการณ์ดังนี้ครับ
ในรูปบนถ้าสังเกตจะเห็นว่าเส้นทางบางวันจะสลับไปมานิดหน่อย นั่นก็เพราะว่าวันก่อนหน้าเที่ยวไม่ทัน วันรุ่งขึ้นเลยขับย้อนไปเก็บจุดที่พลาดไป ลองเอาไปปรับแผนกันดูครับ
📌 ระยะเวลาตามแพลนผม เหนื่อยเกินไปครับ ถ้ามีเวลาเอาซัก 10-12 วันกำลังสบาย
📌 วางแผนหาเมืองที่พักก่อน แล้วค่อยมาดูว่าระหว่างทางมีจุดเที่ยวเยอะไหม ถ้าเยอะอาจต้องปรับแผนมาพักระหว่างทางแล้วเพิ่มวันเอา (ถ้าทำได้) จะได้ไม่เหนื่อยมาก
📌 ที่เที่ยวแต่ละจุดให้หาว่าต้องเดินเข้าไปจุดชมวิวไกลแค่ไหนด้วย ใช้เวลาประมาณเท่าไร เพราะบางที่ต้องเดินเกือบชั่วโมง ถ้าไม่ได้เผื่อเวลาส่วนนี้ อาจทำให้เที่ยวที่อื่นๆ ไม่ทัน
📌 โซน Golden circle และ southern region มีที่เแวะที่ยวเยอะ อาจต้องเผื่อๆ เวลาไว้หน่อย โดยเฉพาะถ้าเป็นสายชอบถ่ายรูป
📌 โซน east และ north จุดแวะอาจไม่เยอะมาก แต่ระยะทางค่อนข้างไกล
📌 วางแผนเรื่องอาหารกลางวัน (ทำใส่กล่องกินระหว่างทางก็สะดวกดี) และซุปเปอร์มาร์เก็ตที่จะแวะดีๆ ส่วนใหญ่มีตามเมืองเล็กเมืองใหญ่ ในปั๊มมีหมด ไม่ขาดแคลน แต่เช็คเวลาปิดด้วยนะครับ เขาปิดกัน 18.00-20.00 ไม่เกินนี้ หรือบางที่วันอาทิตย์ไม่เปิดด้วย
📌 วางแผนเรื่องปั๊มน้ำมัน แต่มักไม่ค่อยมีปัญหา มีทั่วเกาะ แต่ถ้าระยะทางระหว่างเมืองไกลแล้วน้ำมันเหลือน้อย ก็อย่าลืมหาแวะเติมก่อนครับ
📌 เช็คสภาพถนนก่อนเสมอ โดยเฉพาะฤดูหนาว (ใช้ Safetravel app หรือเว็บไซด์ safetravel.is)
📌 มาไอซ์แลนด์อย่าพลาดการแช่บ่อน้ำร้อนครับ ที่โด่งดังก็มี Blue Lagoon, Sky Lagoon และ Secret Lagoon และ Myvatn Nature Bath ครับ แต่จริงๆ บ่อน้ำร้อนน้อยใหญ่มีให้เห็นได้ทั่วไปครับ อาจต้องลองดูว่าใกล้ ๆ ที่พักหรือระหว่างทาง มีบ่อเล็กบ่อน้อยแอบซ่อนอยู่หรือเปล่า
📌 สภาพอากาศ คาดเดายากครับ บางครั้งเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว คงต้องเช็คเป็นวัน ๆ ไป ที่สำคัญ หนาว (ถึงแม้จะเป็นฤดูร้อน) ลมแรง อาจเจอฝน ฟ้าเน่า ต้องทำใจไว้ก่อนครับ
รวมไฮไลท์ (เรียกน้ำย่อย)
ไอซ์แลนด์ แดนน้ำตก (เยอะจริง ๆ)
ด้านล่างเป็นน้ำตกไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด เดี๋ยว EP. ต่อ ๆ ไปค่อยมาลงรายละเอียดครับ
Midnight sun 🌞 (เที่ยวได้ไม่มีหยุด)
ช่วงพระอาทิตย์เที่ยงคืนของไอซ์แลนด์จะอยู่ประมาณปลายเดือน มิ.ย. ครับ แต่ตั้งแต่ช่วง พ.ค. ถึง ก.ค. ถึงพระอาทิตย์ตกไปแล้ว (ตกประมาณ 5 ทุ่มถึงห้าทุ่มกว่า) แต่ฟ้าก็ยังสว่างอยู่ รูปนี้เป็นที่ Jokulsarlon Glacier Lagoon และ Diamond Beach ตอนประมาณห้าทุ่ม แสงกำลังสวยเลย ที่นี่แนะนำมาตอนพระอาทิตย์ตกครับ ส่วนรูปแกะในทุ่งหญ้าด้านล่างนี่ถ่ายตอนตี 3 พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
สัตว์โลกน่ารักกกก
มีทั้งแกะ (ตอนนี้โดนกร้อนขน เลยไม่ค่อยอ้วนฟูเท่าไร) 🐏 ม้าสายพันธุ์ไอซ์แลนด์ผมสลวย 🐎 และพัฟฟินตัวกลมๆ 🐧
หาดทราย (สายลม) แคนยอน ภูเขาไฟ แท่งหินบะซอลต์ และธารน้ำแข็ง
หาดทรายที่นี่ส่วนใหญ่เป็นหาดทรายดำ (หินภูเขาไฟ) ที่มีชื่อเสียงและคนต้องแวะมาถ่ายรูปคือ หาดที่มีแท่งหินบะซอลต์อยู่มุมนึงของหาด คือ Reynisfjara Beach
แคนยอนสวยๆ มีอยู่หลายจุด เป็นผนังหินที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมทำให้มีรูปร่างแปลกตา
ธารน้ำแข็ง
Skaftafell จุดเที่ยวที่สำคัญ มีธารน้ำแข็งหลัก ๆ อยู่ 2 จุดอยู่ใกล้ ๆ กัน สามารถเดินเข้าไปใกล้ ๆ ได้
Iceland แดนภูเขาไฟ
มีปากปล่องภูเขาไฟหลงเหลือให้ได้ชมกันหลายที่ เช่น Kerid Crater และ Krafla
Highland มันสวยมากกกก
ถนนเข้า Highland จะเปิดช่วงปลาย มิ.ย. – ต.ค. ครับ แต่ละปีวันที่เปิดจะไม่ตรงกันขึ้นกับสภาพถนน ช่วงที่ผมไปถนนยังไม่เปิด เลยซื้อทัวร์เครื่องบินดูวิวมุมสูงแทน (ถ้าจะขับรถเข้านี่ สมบุกสมบันเอาเรื่องครับ ต้องหาข้อมูลดีๆ หรือซื้อทัวร์ก็มีให้เลือกเยอะเหมือนกัน มีทั้ง one day และค้างคืน)
เมืองเล็ก ๆ บางเมืองแค่หายใจก็ขับรถเลยแล้ว
ฤดูร้อน เขียวชะอุ่ม 🌺 ดอกไม้บานสะพรั่ง
ทุ่งลูปินละลานตามาก ตอนที่ไปยังบานไม่เต็มที่ ถ้าบานเต็มที่นี่จะขนาดไหน ตรงนี้นี่เป็นทุ่งเลย
แช่บ่อน้ำร้อน
มาไอซ์แลนด์ขาดสิ่งนี้ไม่ได้ เหมือนไปญี่ปุ่นแล้วต้องแช่ออนเซ็น ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าจากการเที่ยวอย่างหักโหมได้อย่างดีทีเดียว
เพื่อนร่วมทาง
และสุดท้าย ที่สำคัญที่สุด ผู้ร่วมเดินทางครับ
😎 ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมหัวจมท้ายจนจบทริปเข้าค่ายนี้ครับ 😎
EP. หน้ามาลงรายละเอียดในแต่ละโซนกันต่อครับ