Bryce Canyon ก็เป็นอีกที่ที่ชื่อไม่ค่อยจะคุ้นเท่าไรนัก บังเอิญได้มาก็เพราะเปลี่ยนแผนเดินทางของทริป Zion อย่างฉับพลันทั้งที่ตอนแรกกะว่าจะข้ามไปเลย แต่ก็คิดไม่ผิดจริงๆ ที่แวะมา ที่นี่ใช้เวลาไม่นาน ยังไงถ้ามาเที่ยวแถบนี้ อย่าลืมที่นี่นะครับ
Bryce Canyon
ถึงจะชื่อว่า “Bryce Canyon” แต่จริงๆ มันไม่ใช่ “Canyon” เพราะความจริง canyon นี้จะเกิดจากการกัดกร่อนของหินจากกระแสน้ำไหล อย่างที่เห็นตามที่อื่นๆ เช่น Zion National Park, Grand Canyon, Antelope Canyons เป็นต้น แต่หินรูปร่างแปลกๆ เป็นแท่งๆ ที่ Bryce นี่เกิดจากการกัดกร่อนของน้ำฝนซึ่งมีความเป็นกรด รวมทั้งการที่อยู่ที่สูง มีอากาศหนาว การแข็งตัวของน้ำตอนกลางคืนและการละลายของน้ำแข็งตอนกลางวันก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้หินมีรูปร่างเป็นแบบนี้ หินของที่นี่มีหลายสี ทั้งแดง ส้ม และขาว ประกอบกับลักษณะของหินเป็นแท่งๆ (ที่เรียกว่า Hoodoo) รูปทรงต่างๆ ทำให้สวยงามมากๆ
Bryce Canyon นี้จะอยู่สูงว่า Zion National Park จึงทำให้อากาศจะหนาวเย็นกว่า จุดสูงสุดของที่นี่อยู่ประมาณ 8,000-9,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล และในฤดูหนาวก็จะมีหิมะปกคลุม
แท่งหิน “Hoodoo”
เกิดจากกลไกดังที่บอกข้างบน แต่ระยะแรกหินมีลักษณะบางลง เรียกว่า Fins (รูป A) และเมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดเป็นรู เรียกว่า Windows (รูป B) และพอบางส่วนทลายลงจึงเกิดเป็นแท่งที่เรียกว่า Hoodoos (รูป C)
ที่พัก
เมืองที่ใกล้อุทยาน คือ เมือง Bryce Canyon City ซึ่งเป็นเมืองใหม่ น่าจะก่อตั้งตอนช่วงปี 2001 เป็นเมืองเล็กๆ (มาก) มีร้านอาหาร ร้านค้าหลายร้าน ค่อนข้างสะดวก ที่นี่อยู่ห่างจากทางเข้าอุทยานไม่เกิน 10 นาที
การเดินทางในอุทยาน
1. การเที่ยวที่ Bryce Canyon นี่ไม่ยากเลย สามารถขับรถถึงจุดชมวิวได้ทุกจุด จุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ บริเวณที่เรียกว่า Amphitheater ซึ่งมี 5 จุดชมวิวหลักๆ คือ Sunrise point, Sunset point, Inspiration Point, Bryce Point และ Parin Point
จาก Amphitheater ก็ขับต่อไปยังจุดชมวิวอื่นๆ ได้ตามแผนที่อุทยานด้านล่าง โดยจุดที่ไกลสุดก็คือ Rainbow Point ซึ่งใช้เวลาขับประมาณไม่เกินครึ่งชั่วโมง
2. หรือจะใช้บริการ shuttle ฟรีของทางอุทยานก็ได้ครับ ซึ่งมีเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม แต่ shuttle จะวิ่งวนแค่ในส่วนของ Amphitheater เท่านั้นนะครับ
3. สำหรับนักผจญภัย ถ้าอยากเดิน trekking/hiking ที่นี่ก็มีหลายเส้นทาง หลายระดับความยากง่ายให้เลือก และจะได้เดินลงไปดู Hoodoos อย่างใกล้ชิดด้วย รายละเอียดแต่ละเส้นทางคร่าวๆ ก็ตามรูปข้างล่างครับ ผมไม่ได้เดินเลยเพราะมาที่นี่แค่วันเดียว
ใครสนใจคลิ๊กดูรูปด้านล่างหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ตาม ลิงค์ นี้เลยครับ
Bryce Amphitheater
จุดที่สวยที่สุดของ Bryce Canyon นี้ก็คือบริเวณ Bryce Amphitheater นี่แหละครับ จะขับยังไง แวะตรงไหนก่อน ก็แล้วแต่สะดวกเลย ที่นี่เที่ยวไม่ยาก ดูตามแผนที่ด้านล่างเลย
Sunrise Point
ชื่อ “sunrise” ก็ต้องมาตอนพระอาทิตย์ขึ้นครับ
มีนักท่องเที่ยวประปรายมารอถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนกัน
พอพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบเขาก็จะเห็นแสงสาดส่อง Hoodoos เป็นสีส้ม
Inspiration Point
ตามความเห็นส่วนตัวจุดนี้เป็นจุดที่สวยที่สุด สามารถเห็นวิวของ canyon ได้กว้างมาก มีทางให้เดินไปดูหลายจุดทีเดียว ในฤดูหนาวจะเห็นมีหิมะแซมกับสีส้มของหินรูปทรงแปลกตาสวยไปอีกแบบ ตอนที่มาเป็นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนก็เริ่มมีหิมะบ้างแล้ว แต่ไม่มากนัก อุณหภูมิจะอยู่ประมาณ -6 (กลางคืน) ถึงประมาณ 10 องศาเซลเซียส (กลางวัน)
Sunset Point
เรามาที่นี่เป็นจุดสุดท้ายของวัน เพราะชื่อ “sunset” นี่แหละ….แต่เอาเข้าจริงแสงเย็นไม่สวยเท่าไรเพราะจะมีเงาภูเขาบัง ภาพที่ออกมาเลยดูมืดๆ นิดนึงครับ ถ้ามาตอนมีแสงน่าจะแจ่มกว่านี้มาก
Thor’s hammer
Bryce Point
เป็นจุดที่สวยไม่แพ้ Inspiration Point เลย เห็นวิวในมุมกว้างมาก กลุ่มหินในแต่ละจุดก็มีชื่อเรียกด้วย ตามรูปด้านล่างครับ
ออกจาก Bryce Amphitheatre ขับไปเรื่อยๆ ก็มีจุดชมวิวหลายที่ให้แวะดูกันครับ เช่น
Natural Bridge
Swamp Canyon
Rainbow Point
เป็นจุดชมวิวที่อยู่ปลายสุดของ Bryce Canyon และเป็นจุดที่สูงที่สุดของที่นี่ด้วย (ประมาณ 9,105 ฟุต)
วิวและธรรมชาติที่เห็นมันแปลกตาและสุดยอดจริงๆ ครับ ถ้าจะมาเที่ยวแบบชมตรงจุดชมวิวนี่ หนึ่งวันก็ถือว่ากำลังดีครับ แต่ถ้าจะเดิน trail อาจต้องหลายวัน (ซึ่งถ้ามีเวลาก็แนะนำครับ เห็นวิวของคนอื่นที่เขาเดินกันก็สวยแปลกไปอีกแบบกับวิวของแท่งหินจากมุมเตี้ย)