สารบัญ
เมืองทางผ่าน หรือ เมืองลับๆ บางทีก็มีอะไรน่าค้นหา
เมืองใหญ่ที่ “รู้อยู่แล้ว” มันน่าไป แต่เมืองเล็กๆ ลับๆ (ที่ไม่ค่อยมีคนไป) หรือแค่ทางผ่าน ก็ใช่ว่าจะน่าเบื่อเสมอไปครับ ลองออกไปค้นหากันดูครับ
ภาพ : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Map_of_USA_showing_state_names.png
เปิดโลกมายา ณ Los Angeles
เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของความบันเทิงก็ว่าได้ พูดถึงเมืองนี้ คงคิดถึงกันแต่ดาราและหนัง Hollywood และเป็นที่ๆ จัดเทศกาลหนังที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Oscar แต่เมืองนี้ก็ยังมีอีกหลายอย่างให้ค้นหาครับ
Hollywood ~ เป็นย่านเล็กๆ ที่รวมสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับวงการ Hollywood ไว้ ทั้ง Madame Tussauds, พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวงการ Hollywood, Hall of Fame, สถานที่จัดงาน Oscar
Dolby Theatre สถานที่จัดงาน Oscar สามารถซื้อตั๋วเข้าชมด้านในที่ใช้จัดงาน Oscar ได้ แต่ไม่สามารถถ่ายรูปได้
Hollywood Museum จัดแสดงเสื้อผ้า สิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในหนังดังๆ ของ Hollywood
ใบมรณบัตรของมาริลีน มอนโรใน Hollywood Museum
นอกจากย่านความบันเทิงด้านบนแล้ว หลายคนที่มาที่ LA ย่อมจะพลาดสวนสนุกชื่อดังไปไม่ได้ ที่นี่จะมี 2 ที่ คือ Disneyland และ Universal Studio ผมเคยไปแต่ Universal Studio เพราะรถเมล์ไปถึง
ชายหาด Santa Monica เป็นหาดที่มีชื่อเสียงของ LA คนเยอะ แต่ไม่สวยเลย 555 คนเยอะ วุ่นวาย มีสวนสนุกเล็กๆ ตั้งอยู่ และใกล้ๆ กันมีถนนช้อปปิ้งอยู่ด้วย ชื่อ Third Street Promenade
บริเวณ downtown ของ LA ไม่ค่อยมีอะไรให้เดินเที่ยวนัก และแถวนี้ต้องระวังคนไร้บ้านไว้ด้วยนะครับ เยอะเลยโดยเฉพาะตามร้านแมคโดนัลด์ สถานีรถไฟใต้ดิน
Walt Disney Concert Hall
นอกจากสองที่นี้แล้ว ยังมีที่เที่ยวอีกหลายที่นะครับที่ผมไม่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือน เช่น ย่านช้อปปิ้งอย่าง Rodeo, Beverly Hills ซึ่งมีบ้านดาราดังๆ มากมาย, Griffith Observatory (พิพิธภัณฑ์และจุดชมวิวเมือง) หรือการเดิน hiking ไปยังป้าย Hollywood เป็นต้นครับ
กินลมชมพระอาทิตย์ตกที่ Santa Barbara
มาซานฟรานและแอลเอ ไม่ควรพลาดที่จะแวะชมเมืองเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างทาง (ไม่ว่าจะนั่งรถไฟหรือขับรถก็สามารถแวะได้ครับ) ซึ่งก็คือ Solvang และ Santa Barbara
Santa Barbara เป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวแถบแคลิฟอร์เนียอีกที่นึง ไม่ว่าจะเป็นจุดแวะพัก มาพักผ่อนหย่อนใจแถบชายหาดและทะเล มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะเล็กๆ สวนสัตว์ ร้านอาหารมากมาย ที่เมืองนี้จะมีสองส่วนหลักๆ คือส่วน downtown และท่าเรือ/ชายหาด ซึ่งน่าเดินเที่ยวมากทั้งสองส่วน
เมืองมีภูเขาเป็นฉากหลัง
County Courthouse สามารถขึ้นชมวิวที่หอนาฬิกาด้านบนได้
ชายหาดและท่าเรือของเมือง
Solvang ~ เมืองทางผ่านที่ไม่ควรผ่านเลยไป
เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ใน Santa Ynez Valley ใน Santa Barbara County ลักษณะสิ่งก่อสร้างและร้านค้าจะตกแต่งแบบน่ารักๆ สไตล์แดนิส (เดนมาร์ก) และมีกังหันลมเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองนี้
The Midwest ~ ประตู (ลับ) สู่อเมริกาตะวันตก
เมืองที่มีชื่อของภูมิภาค Midwest คือ St Louis และ Kansas City สองเมืองนี้ผมมีโอกาสได้ไปเยือนในเวลาสั้นๆ ในช่วงฤดูหนาว เลยมีแต่ความแห้งและหิมะ แต่ก็สวยไปอีกแบบครับ
St.Louis
เป็นเมืองเล็กๆ (และเล็กลงเรื่อยๆ จากจำนวนประชากรที่น้อยลงเรื่อยๆ) อยู่ในรัฐ Missouri ช่วงแรกของประวัติศาสตร์ เมืองนี้เป็นของสเปนและเป็นท่าเรือและเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ และได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่แผ่นดินทางตะวันตกของอเมริกา โดยมีการสร้างสัญลักษณ์ที่สำคัญ คือ Gateway Arch คล้ายๆ ประตูที่เปิดออกไปทางตะวันตก เมืองนี้เพิ่งฉลองครบ 250 ปีไปเมื่อปี 2014
Gateway Arch เป็นสัญลักษณ์สำคัยของเมืองนี้ หุ้มด้วย Stainless Steel เป็นรูปโค้งคล้ายประตูที่เหมือนเป็นทางเปิดสู่อเมริกาฝั่งตะวันตก สร้างเสร็จเมื่อปี 1965 ภายในมีลิฟต์ซึ่งวิ่งขึ้นตามโค้งของ arch ไปยังชมวิวเมืองจากด้านบนได้ครับ
The Old Courthouse สามารถเข้าชมได้ฟรี มีพิพิธภณฑ์เล็กๆ แสดงงานศิลปะ แต่…ปิด (รอบนี้มาพิพิธภัณฑ์พร้อมใจกันปิดหมดเลย..)
วิวของ courthouse จากด้านบนของ arch
Missouri Botanical Garden หรืออีกชื่อคือ Shaw’s Garden ตั้งขึ้นเมื่อปี 1859 เป็นสวนขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยสวนประเภทต่างๆ มากมาย เนื่องจากมากันตอนฤดูหนาว มันเลยแห้งโกร๋นหมด ไม่มีดอกไม้ ใบไม้เลย แต่สามารถจินตนาการถึงความสวยงามตอนฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนได้ไม่ยากรับ เสียดายมากเหมือนกัน ถ้ามาตอนนั้นคงสวยมากและเดินได้ทั้งวันเลย
St.Louis Art Museum
The Cathedral Basilica of Saint Louis เป็นโบสถ์ที่สร้างเมื่อปี 1914 ความสวยงามของโบสถ์นี้คือ เพดานภายในมีรูปภาพและลวดลายที่เกิดจากการต่อกระเบื้องชิ้นเล็กๆ แบบ mosaic
Kansas City (KC)
อยู่ในรัฐ Missouri เป็นเมืองเล็กๆ ที่เป็นประวัติศาสตร์ของเพลง Jazz และ Blues และมีชื่อเสียงในเรื่องของบาร์บีคิว (Kansas City-style barbecue) นอกจากนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งน้ำพุ (City of Fountains) เพราะมีน้ำพุจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก รองจากกรุงโรม
แต่ฤดูหนาว น้ำพุปิดครับ….:(
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะมาเที่ยวที่นี่ (ทั้ง Kansas และ St.Louis) น่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เพราะมีดอกไม้ประดับประดาตามที่ต่างๆ สวยงาม น้ำพุก็เปิดครบ อีกช่วงน่าจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
แต่ผมมาช่วงฤดูหนาว…ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่น่ามาที่สุดแล้ว 555 เพราะแห้งแล้ง หนาว น้ำพุก็ปิดหมด น้ำในบ่อก็สูบออกหมด หิมะก็ตก…ช่วงที่มามีพายุหิมะเข้าพอดี แต่ก็ยังมีแต่ก็ยังมีความโชคดีบนความซวยอยู่บ้าง วันรุ่งขึ้นเมืองเลยถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวสะอาด ก็เป็นวิวที่สวยแปลกตาไปอีกแบบ ไม่งั้นคงเห็นแต่หญ้าแห้งๆ เมืองแล้งๆ
ที่ KC ตรงส่วนของ downtown มีที่ให้เที่ยวไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็น office ที่ทำงานซะมากกว่า ส่วนแหล่งช้อปปิ้ง จะอยู่ออกไปจาก downtown ที่เขาเรียกกันว่า midtown
Kauffman Center for the Performing Arts เป็นที่จัดการแสดงหลายอย่าง ด้านนอกสวยดี
The Nelson-Atkins Museum of Art ค่าเข้าฟรี แต่ไม่ได้เข้าไปดูครับ เดินดูแต่รอบนอก ที่นี่มีรูปปั้นศิลปะอยู่รอบนอกประปราย ที่โดดเด่นคือ ลูกขนไก่ยักษ์ ด้านหน้าสามลูก และด้านหลังหนึ่งลูก
รูปปั้น The Thinker ที่มีหลายที่ในโลก ที่นี่ก็มี
The National World War I Museum ซึ่งอยู่ใน Liberty Memorial เปิดตั้งแต่ปี 1926 จัดแสดงเรื่องราวทั้งหมดของสงครามโลกครั้งที่ 1 ส่วนพิพิธภัณฑ์ของสงครามโลกครั้งที่สองจัดแสดงไว้ที่ New Orleans รัฐ Louisiana
จุดชมวิวเมือง ~ จุดที่มองเห็นเมืองในมุมกว้างก็เป็นจุดที่มีรูปปั้น The Scout อยู่ รูปปั้นนี้ได้จัดแสดงที่งาน Panama-Pacific International Exposition ที่ซานฟรานในปี 1915 (ซึ่งในซานฟรานเองสิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ Palace of Fine Art ครับ) และหลังจากนั้นก็ย้ายมาตั้งที่นี่ (Penn Valley Park, Kansas City)
ความสวยงามมีอยู่ในทุกสถานที่ที่ไป อยู่ที่เราจะมองมุมไหนและเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ หรือเปล่า
อย่าลืมติดตาม episode หน้าที่จะเล่าเรื่องเมืองทางฝั่งตะวันออกซึ่งจะเป็นกระทู้สุดท้ายในชุด City life, City light ก่อนที่จะพาไปตะลุย National park และที่เที่ยวธรรมชาติอื่นๆ กันต่อครับ
1 Trackback / Pingback
Comments are closed.