Heaven on Earth Ep.1 ~ Banff National Park

ช่วยไลค์ช่วยแชร์ครับ

You’ll never know, if you don’t do it.

DSC_7054

ก่อนนี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่าแคนาดาจะมีที่เที่ยวธรรมชาติสวยมากขนาดนี้ ไม่เคยรู้ว่ามีทะเลสาบสีแปลกตาเหมือนภาพวาด ไม่เคยรู้ว่ามีธารน้ำแข็งที่ยังแข็งอยู่ได้ตอนฤดูร้อน ไม่เคยรู้ว่าจะกล้าวางแผนเที่ยวโซโลเองคนเดียวไกลๆ มาก่อน (แต่สุดท้ายก็มีผู้หลงผิดมาเที่ยวด้วยในวินาทีสุดท้าย..เย่ มีคนหารค่าเที่ยว ^^) ~ และอีกหลายอย่างผมได้รู้จากที่นี่ล่ะครับ

Canadian Rockies ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติ 5 แห่ง คือ Banff, Jasper, Yoho และ Kootenay ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ส่วนที่สุดท้ายคือ Waterton จะอยู่ห่างออกไปทางใต้ ทั้งหมดเป็น UNESCO World Heritage site ตั้งแต่ปี 1984

carte-parcsmontagne-mtnparks-map_e.ashx

อารัมภบท

National park ที่มีชื่อเสียงและคนนิยมเดินทางไปเที่ยวในแถบ Canadian Rockies คือ Banff, Jasper และ Yoho (ส่วน Kootenay นี่ไม่แน่ใจเพราะไม่ค่อยมีข้อมูลรีวิว เลยไม่ค่อยรู้ข้อมูลเท่าไร)

ช่วงเวลาที่เหมาะสม

ช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือน กรกฎาคม ถึง ปลายๆ กันยายน เพราะในฤดูหนาวพื้นที่จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้บางส่วนของอุทยานปิด แต่ก็มีคนนิยมไปไม่น้อยเพื่อเล่นสกีหรือกิจกรรมทางหิมะ และกว่าหิมะจะละลายก็ปาเข้าไปปลายๆ เดือนพฤษภาคม ทำให้ที่นี่มีเวลาเที่ยวแบบเห็นทุกอย่างสวยไปหมดเพียงไม่กี่เดือน

ช่วงที่ผมไปคือปลายเดือนสิงหาคม ซึ่งอากาศเริ่มหนาวแล้ว อุณหภูมิ 4-17 องศาเซลเซียส ดูจะไม่หนาวมากตอนกลางวันแต่ช่วงนั้นมีแต่ฝนไม่ค่อยมีแดด ทำให้หนาวหน่อย

เที่ยวกี่วันดี

การเดินทางของผมครั้งนี้มีเวลาไม่มาก รวมแล้วก็ 5 วันกับ 4 คืน โดยเป็นวันเดินทางซะ 2 วันหัวท้าย สรุปมีเวลาเที่ยวจริงๆ แค่ 3 วัน++  เลยตัดสินใจไปแค่ Banff และ Jasper National Park (จริงๆ มี Yoho อยู่ในโปรแกรมด้วย แต่เพราะฝนตก ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนและเที่ยวได้แค่สองที่นี้ แต่ก็กำลังดีครับกับเวลาที่มี ไม่งั้นเหนื่อยเกินไป) ความเห็นผมคิดว่าควรอยู่อย่างน้อย 7 วันขึ้นไปนะครับ จะได้อยู่ซึมซับบรรยากาศนานๆ อีกทั้งยังมีหลายที่ที่น่าไปและมีหลาย trail ให้เดินชมธรรมชาติซึ่งมีความสวยงามต่างๆ กันไป

เดินทางยังไงดี

การเดินทางสามารถเริ่มต้นและสิ้นสุดได้หลายเส้นทาง แล้วแต่ความสะดวก เช่น
1) หลายคนเลือกเริ่มจาก Vancouver แล้วขับรถไปต่อที่ Banff และ Jasper ตามลำดับ
2) ลงเครื่องที่สนามบิน Calgary — Banff — Jasper — แล้วกลับจาก Edmonton หรือ Calgary ก็ได้
3) ลงเครื่องที่สนามบิน Edmonton — Jasper — Banff — แล้วกลับจาก Calgary หรือ Edmonton ก็ได้

Screen Shot 2559-08-25 at 8.27.44 AM

ผมเลือกเริ่มจาก Edmonton — Jasper — Banff — Calgary เพราะอยากสะดวกวันสุดท้ายขับกลับไปสนามบินจะได้ไม่ต้องรีบมาก ไม่งั้นต้องขับย้อนจาก Banff กลับ Edmonton แต่ก็จะเสียค่าเช่ารถแพงขึ้นหน่อยเพราะคืนคนละสนามบิน และค่าตั๋วเครื่องบินก็แพงขึ้นอีกนิดนึง

ส่วนการเดินทางตอนอยู่ในแคนาดา ถ้าสะดวกที่สุดก็คือ เช่ารถ ซึ่งเป็นพวงมาลัยซ้ายเหมือนอเมริกาครับ ถนนดีมาก ขับไม่ยากเลย (แต่ระวังสัตว์นิดนึง เพราะหลายคนเจอเดินชิลๆ ข้ามถนน ถ้าขับไม่ระวังอาจชนได้)

พักที่ไหนดี

โรงแรมช่วง high season (ประมาณเดือน ก.ค.-ส.ค.) จะเต็มเร็วและค่อนข้างแพง ตอนแรกว่าจะไปคนเดียวเพราะหาคนไปด้วยไม่ได้เลยเนื่องจากเพื่อนๆ ติดภารกิจหมด เลยตัดสินใจจองเป็น Bed and Breakfast แทน (http://www.bbcanada.com/alberta/alberta_rockies) ซึ่งถูกกว่า เลือกเอาที่ไม่เกิน 50-70 USD ต่อคืน ซึ่งบ้านทั้งหลายที่อยู่ในตัว downtown ของ Banff และ Jasper ทำเป็น B&B เกือบทั้งหมด แต่งสวยและน่ารักดี แต่ในที่สุดก็ได้เหยื่อเพื่อนร่วมทาง 1 คน ช่วยหารค่าที่พักและค่ารถ ^^ นอกจากนี้ยังมี hostel ที่พักรวมหลายคนและห้องน้ำรวม (แบบ dorm) ซึ่งราคาก็จะถูกลงไปอีก

เมืองที่จะเลือกพัก ขึ้นอยู่กับแผนการเดินทางครับ

  • ถ้าขับรถเองจะไม่ต้องคิดมากนัก เพราะไม่ต้องคิดว่าจะเดินทางกันยังไง แต่ถ้าเป็นทัวร์คงต้องเลือกในตัวเมืองหน่อยเพราะบางทีต้องเดินทางมาที่จุดนัดพบเอง แต่หลายทัวร์ก็มารับที่หน้าโรงแรมเลย ต้องดูข้อมูลของทัวร์ที่จะซื้อด้วยครับ
  • วางแผนดูว่าจะเดินทางจากไหนไปไหน ช่วงเวลาที่จะอยู่แต่ละที่
  • เมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมพัก คือ Jasper, Banff และ Canmore (ห่างจาก Banff ประมาณครึ่ง ชม. แต่ราคาที่พักจะถูกกว่า)

รู้จัก Banff

ตอนแรกอ่านไม่ออก อ่านเป็นบ๊ามฟ์…(-..-“) แต่จริงๆ อ่านว่า แบมฟ์ (แบ๊มฟฺ) ที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของแคนาดา เพราะเป็นเมืองในบริเวณของ Canadian Rockies ซึ่งมีวิวทิวทัศน์ที่สวยมาก มีทะเลสาบ น้ำตก น้ำพุร้อนและสกีรีสอร์ทหลายแห่งให้มาเที่ยวกันในฤดูหนาว เมืองนี้อยู่ใกล้กับ Calgary Airport ซึ่งสามารถขึ้นเครื่องมาลงได้และขับรถต่อมาจากสนามบินประมาณ 1.5 ชั่วโมง และห่างจาก Lake Louise ทะเลสาบสีฟ้าสวยที่มีชื่อเสียงประมาณครึ่งชั่วโมง สูงจากระดับน้ำทะเล 1,400-1,630 เมตร

ตัวเมือง Banff

พาเดินเล่นชมเมืองกันเล็กน้อยก่อนครับ ตัวเมืองจะเป็นโซนที่อยู่ในวงกลมตามแผนที่ด้านล่าง ที่อยู่อาศัยจะเป็นบ้านเดี่ยวหลังไม่ใหญ่โต น่ารัก และส่วนใหญ่จะทำเป็น bed and breakfast ให้นักท่องเที่ยวได้มาพัก มีร้านขายของตกแต่งน่ารักๆ ร้านอาหารมากมาย

map town banff

DSC_6773

DSC_6762

Bed and Breakfast ที่พักของผมใน Banff

ที่เที่ยวใน Banff National Park

ที่เที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปตามที่ทำสัญลักษณ์ไว้ในแผนที่ด้านล่างเลยครับ

Banff map

ที่เที่ยวรอบนอกตัวเมือง Banff  ไล่ลงมาจากทางเหนือ (เพราะผมเที่ยวไล่ลงมาจากทาง Jasper)

  • Columbia Icefield และขับตาม highway ลงมาซึ่งเป็นถนนที่มีทิวทัศน์สองข้างทางสวยมากและมีจุดให้จอดแวะถ่ายรูปหลายจุดเลยครับ
  • Peyto Lake
  • Lake Louise
  • Moraine Lake
  • Johnston Canyon โดยขับลงมาตาม highway แล้วเบี่ยงเข้าทาง Bow Valley Parkway
  • Lake Minnewanka อยู่ออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมือง

ที่เที่ยวภายในและใกล้ๆ ตัวเมือง Banff  ตามแผนที่เมืองด้านบน

  • Banff Gondola
  • Surprise corner viewpoint
  • Vermilion Lake และจุดชมวิว Mt. Rundle
  • และยังมีอีกหลายที่ปลีกย่อยครับ เช่น Tunnel mountain, hot springs หรือทางเดิน trekking ต่างๆ

Columbia Icefield

เป็น ice field ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน North America (ไม่นับขั้วโลก) ที่นี่จะมี glacier (หรือธารน้ำแข็ง) ใหญ่ที่มีชื่อเสียง คือ Athabasca Glacier ซึ่งเป็นที่ที่ให้เราขึ้นไปบนนั้นได้ มีสองทาง คือ

  • เดินขึ้นไปตามทาง (กับทัวร์) แต่ห้ามออกนอกเส้นทางที่กำหนดเพราะบางจุดน้ำแข็งทรุดได้ทำให้มีคนเสียชีวิตบ่อยๆ ถ้าเดินออกนอก trail
  • นั่งรถขึ้นไปกับทัวร์ Glacier Adventure โดยซื้อออนไลน์หรือซื้อหน้างานได้ที่ Glacier discovery center ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ Athabasca Glacier เลย แล้วเขาจะมีรถ bus พาเราไปขึ้นรถ truck ซึ่งจะนำเราขึ้นไปที่ glacier อีกทีใช้เวลาเดินทางขานึงประมาณ 15-20 นาที แล้วหย่อนให้เราลงถ่ายรูปประมาณ 15 นาที สนนราคา 49.95 USD (ปี 2014) แต่แนะนำให้ซื้อออนไลน์ไปก่อนครับ (ตามลิงค์ด้านล่าง) เพราะคนเยอะ คิวยาว เดี๋ยวจะรอนานกว่าจะได้รอบที่มีที่ว่าง ไม่งั้นก็ควรมาถึงก่อนเที่ยงครับ

http://www.brewster.ca/banff/

เขามี Package ให้เลือกด้วย เช่น Glacier Adventure + Skywalk + Banff Gondola ราคาจะลดลงมาอีกหลายสิบ USD เหมือนกัน ถ้ากะจะขึ้นอยู่แล้วซื้อแบบนี้จะคุ้มกว่า ***ที่สำคัญถ้าไม่แน่ใจเรื่องสภาพอากาศแล้วมีเวลาจำกัดก็มาซื้อที่ discovery center ดีกว่า เพราะถ้าอากาศไม่ดีก็ไม่น่าขึ้น แนะนำให้มาถึงที่นี่ก่อนเที่ยง เพราะหลังเที่ยงคนเยอะมากๆๆๆ แถวตั๋วยาวเหยียด

วิวจาก Glacier discovery center มองลงมาที่จอดรถDSC_6454

มองจาก Discovery center จะมีทั้งกลุ่มที่เดินขึ้นไป และนั่งรถขึ้นไป สภาพอากาศวันนั้นหมอกจัดมาก เพราะฝนกำลังจะตก แต่ยังดีที่ยังมีแดดรำไร ไม่ครึ้มจนมืดมากนัก

DSC_6257-2

วิวของ Athabasca Glacier ที่มองจาก Discovery Center เทียบกับรูปบอกชื่อของยอดเขาต่างๆ ความกว้างของธารน้ำแข็งที่เห็นจะแคบลง และหดสั้นลงทุกปีๆ เนื่องจากสภาวะโลกร้อน

DSC_6265DSC_6364panoDSC_6366

รถ bus และ truck ที่พาเราขึ้นไปบนธารน้ำแข็ง คนขับทำหน้าที่เป็นไกด์อธิบายไปตลอดทาง

DSC_6279DSC_6282

บน Glacier : หนาวมากครับ ลืมคิดไปว่ามันต้องหนาว…มีแต่ขาสั้น ขึ้นไปยืนสั่นงั่กๆ อยู่ข้างบน เป็นคนเดียวที่ใส่ขาสั้นไป 555 คนอื่นเขาเตรียมพร้อมกันหมด

DSC_6332DSC_6357

ที่นี่จะมีอีกกิจกรรมนึงที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือน พ.ค.2557 คือ Glacier skywalk (คล้ายๆ ที่ Grand Canyon, west rim แต่รู้สึกจะไม่สูงเท่า) ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไร ดูวิวก็ไม่ได้สวยมากนัก สนนราคา 24.95 USD (ปี 2014) จะมีรถรับเราจาก discovery center เช่นเดียวกัน (เขาไม่ให้ขับรถไปเอง)

DSC_6445

Peyto Lake

ขับรถลงต่อไปทางใต้ ไปที่ Peyto Lake จากที่จอดรถของทะเลสาบ เดิน trail ที่ทอดไปตามป่าเล็กๆ ไม่ไกลก็ถึงจุดชมวิว

DSC_6550

ซึ่ง…

สวยมากกกกครับ เป็นทะเลสาบสีฟ้า turquoise รูปร่างคล้ายหัวสุนัขจิ้งจอก ตอนแรกที่ไปถึงฝนตก มองแทบไม่ค่อยเห็นอะไร แต่พักเดียว อากาศก็เคลียร์ขึ้นเยอะ (ข้อดีของที่นี่คืออากาศเปลี่ยนแปลงเร็ว ^^)

DSC_6479DSC_6511

หัวจิ้งจอกDSC_6536

ทางไหลของน้ำที่ละลายจาก glacier ทั้งหลายลงมารวมกันเป็นทะเลสาบDSC_6540

Bow Lake

จาก Peyto Lake ขับลงต่อจะเจอจุดชมวิวของ Bow Lake ครับ DSC_7427

Crowfoot Glacier ที่อยู่ใกล้ๆ กัน เป็นรูปอุ้งเท้า ตอนนี้ละลายหายไปนิ้วนึงละครับ อยู่บน Crowfoot mountain

DSC_7432pano

DSC_7435

วิวสองข้างทาง ข้างหน้า ข้างหลังของถนนเส้นนี้ (สวยรอบทิศ) สวยมากครับ ขับแล้วดูกันเพลินเลย

DSC_6233

DSC_6217-2

ยิ่งเข้าใกล้ตัวเมือง Banff ระหว่างทางก็จะเห็นสะพานข้ามถนนเป็นระยะๆ มีไว้สำหรับเหล่าสัตว์เดินข้าม (ที่ระดับถนนมีรั้วกั้นตลอดทาง) เขามีการศึกษาจากขนสัตว์ที่อยู่ตามทาง พบว่าสัตว์ต่างๆ ก็มีการเรียนรู้ที่จะข้าม เร็วช้าต่างๆ กันหลังสร้างสะพาน โดยตัวที่เรียนรู้จะข้ามเร็วสุดก็คือพวก Elks ส่วนที่ช้าสุดรู้สึกจะเป็นหมี

Banff Gondola

จาก Bow Lake เราสามารถแวะไปต่อที่ Lake Louise และ Moraine Lake ได้ แต่จะเย็นเกินไปเลยแวะเข้าตัวเมืองก่อน และไปต่อกันที่ Banff Gondola

Banff Gondola อยู่บนยอดเขา Sulphur mountain เป็นจุดชมวิวที่สูงมาก นั่งแล้วเสียว มันสูงมาก (ปกติกลัวความสูงอยู่ละ) ใช้เวลา 8 นาทีถึงยอด ถ้าบางคนอยากได้บรรยากาศเขาให้มีเดินไต่เขาขึ้นไปเองด้วยครับ แต่บอกว่าชันมาก แล้วตอนลงก็ซื้อตั๋ว gondola ลงมาได้ในราคาครึ่งนึง (ราคาเต็ม 35.95 USD, ปี 2014)

DSC_6591

เมื่อขึ้นไปถึงสถานีเป็นจุดชมวิว Banff ได้เห็นทั้งเมือง และจะมีทางสะพานไม้ให้เดินต่อไปยังตัวส่ิงก่อสร้างเล็กๆ บนยอดเขา ได้วิวที่สวยมากตลอดทาง ถ้ามาช่วงเช้าๆ หรือเย็นๆ คนจะน้อยมาก

DSC_6682

DSC_6629DSC_6679

จุดยอดของจุดชมวิว

The Fairmont Banff Springs Hotel และ Bow River ทางด้านหลัง

DSC_6641panoDSC_6613

Banff Downtown มี Bow river ไหลผ่าน น้ำเป็นสีฟ้าเขียว สวยมากครับ

DSC_6628DSC_6621DSC_6651DSC_6647

วิวทางด้านหลังนอก downtownDSC_6694

เส้นทางค่อนข้างยาวทีเดียวครับ แต่ไม่เหนื่อย (แต่หนาวมาก) เพราะวิวสวยมากๆๆ

Johnston Canyon

เมื่อวานจบทริปกันที่ Gondola ครับ วันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทางแต่เช้าโดยจุดหมายคือ Lake Louise แต่ระหว่างทางเราแวะกันที่ Johnston Canyon ก่อน โดยวิ่งจาก Highway 1 ซึ่งเป็นถนนหลัก (เส้นสีเหลืองในแผนที่ด้านล่าง) แล้วเบี่ยงเข้า Bow Valley Parkway (เส้นประสีม่วง) ซึ่งเป็นถนนที่มีวิวป่าและภูเขาข้างทางสวยมาก และยังมีโอกาสพบสัตว์ป่าได้มากมาย ดังนั้นการขับรถต้องขับด้วยความระมัดระวังสัตว์ป่าด้วยครับ แต่ผมไม่เจอซักตัวเดียว (T..T) และจากถนนเส้นนี้ก็วิ่งไปออก Highway 1 ได้ตรง Lake Louise พอดีครับ

Bow valley

Johnston Canyon เป็น canyon ขนาดใหญ่ที่มีน้ำตกอยู่หลายที่ ที่ป้ายใน canyon เขียนว่ามี 7 ที่ แต่ตอนเดินไม่ได้นับว่ามีเท่าไร อันที่ใหญ่ๆ และเจอแรกๆ ก็คือ Lower falls มีถ้ำสั้นๆ ตามธรรมชาติให้เดินลอดเข้าไปดูตัวน้ำตกใกล้ๆ ให้ได้เปียกเพราะน้ำเยอะและแรงมาก นำ้ตกนี้ใช้เวลาเดินจากจุดตั้งต้นประมาณ 1 กิโล

img_8048

Trail ของที่นี่ช่วงแรกจะเป็นสะพานปูนให้เดินเลาะไปตาม canyon ข้างๆ ลำธารสีฟ้าใสกิ๊ก สวยมากครับ

DSC_6814

Lower Falls

DSC_6919

ถัดจากน้ำตกนี้ก็จะมี trail ให้ไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ Upper Fall ระยะทางอีกประมาณเกือบ 2 กิโล เหนื่อยเอาการอยู่ แต่แนะนำว่าควรไป เพราะระหว่างทางมีน้ำตกสวยหลายแห่ง รวมทั้งหิน ผนัง canyon มอสที่ขึ้นทั่วไป มันสวยมากครับ

DSC_6860

และก็มาถึง Upper Fall ซะที มีทางเดินต่อไปดูน้ำตกจากวิวบน แต่เดินไม่ไหวแล้วครับ

 

  • Trail ที่นี่อาจแคบหน่อยเดินสวนกันได้สองคน พอดีช่วงที่ไปยังไม่สายมากคือประมาณเก้าโมง คนเลยไม่พลุกพล่าน เขาบอกถ้าคนเยอะจะเดินลำบากเพราะทางสะพานไม้แคบหน่อย
  • หลังจากเหนื่อยพอควรก็ขับกันไปต่อที่ Lake Louise ระหว่างทางมีจุดชมวิว Castle Mountain ซึ่งมีลักษณะยอดหยักๆ คล้ายฟันเลื่อยหรือคล้ายป้อมปราการ วิวจาก Bow Valley Parkway นี้มีต้นไม้บัง มีวิวที่ถ่ายจาก highway จะสวยกว่า แต่ไม่เห็นที่จอดให้ลงครับ (อาจมีจุดชมอื่น แต่หาไม่เจอ)

DSC_6956

Moraine Lake

ขับออกมาจาก Bow Valley Parkway ไม่นาน ก็เจอเมืองซึ่งเป็นที่อยู่ของ Lake Louise ที่นี่เป็นเมืองขนาดเล็กๆ มีโรงแรม ร้านค้า แต่ไม่ใหญ่เท่าเมือง Banff ที่นี่มี 2 ทะเลสาบที่มีชื่อเสียงคือ Lake Louise และ Moraine Lake น้ำของทั้งสองที่เป็นสีฟ้าหรือน้ำเงินสวยมากเพราะเกิดจากการละลายของ Glacier เช่นเดียวกับที่ Peyto lake ที่นี่มีกิจกรรมทางน้ำให้ทำด้วยครับ เช่น พายเรือแคนูในทะเลสาบ ผมเลี้ยวแวะเข้า Moraine Lake ก่อนครับ ต้องเดินเท้าต่อพอสมควรทีเดียว แต่พอขึ้นไปถึง หายเหนื่อยเลยครับ อึ้งกับ Peyto Lake มารอบนึงละ มาที่นี่ ตะลึงมากกว่าอีก (ไม่ได้โม้)

Moraine Lake โอบล้อมด้วยเทือกเขาที่มียอดเขาซิกแซกคล้ายฟันเลื่อยเรียกว่า Valley of The Ten Peaks แต่ละยอดก็จะมีชื่อเรียกของตัวเอง แต่ถ่ายรูปมายังไงก็ไม่ครบ 10 เพราะมันใหญ่มาก

DSC_7010

DSC_7079

DSC_6995

DSC_7026pano

Lake Louise

จากนั้นก็ขับรถกันมาถึง Lake Louise ประมาณบ่ายสองบ่ายสามได้ ซึ่งตอนที่เรามาถึงกันทะเลสาบไม่ค่อยสวยเหมือนในรูปนักเพราะตอนนั้นไม่มีแดด หรือถ้าเป็นวันปกติที่ฟ้าเปิดที่แดดแรงเกินไปจะทำให้ไม่เห็นเป็นสีฟ้าสวยๆ จะเห็นเป็นแสงสะท้อนแดดแทน เขาบอกว่าเวลาที่ดีที่มาที่นี่ควรเป็นช่วงเช้าและช่วงเย็นๆ หน่อย เพราะจะได้สีของทะเลสาบที่สวยมาก

เวลานี้ สีจืดมาก มืดครึ้ม หมอกจัดDSC_7124DSC_7148

แต่พอตอนเย็นและฟ้าเปิดมากขึ้น จะเห็นสีฟ้าชัดมากขึ้น

DSC_7323

ที่นี่มีโรงแรมเก่าแก่อยู่คู่กับทะเลสาบมานาน คือ The Fairmont Chateau Lake Louise

(ภาพจาก internet)butler-1-4-canada

ตรงระหว่างเขาสองด้านตรงกลางคือ Glacier ที่น้ำแข็งละลายไหลลงมา

DSC_7309pano-2

 

DSC_7151DSC_7370DSC_7376

กิจกรรมที่นี่ มีตั้งแต่พายเรือแคนูในทะเลสาบ, ขึ้น lake louise gondola ดูวิวจากมุมสูง (เสียดายครับ อยากขึ้นมากแต่เวลาไม่พอ), ถ้าฤดูหนาวก็มี ski resort ด้วยครับ และยังมี trail ให้เดินไต่ไปดู Glacier ด้วย (Plain of six glaciers) แต่ไม่ไหวไกลมาก (น่าจะเกือบๆ 5 กิโลได้ (5 กิโลแบบปีนเขา ไม่ใช่ทางราบ)) นอกจากนี้ยังมีอีก trail นึงระยะทาง 3.4 กิโล จุดหมายคือขึ้นเขาไปยัง Mirror lake (2.6 กิโล) และ Lake Agnes ซึ่งมี Historic Teahouse อยู่ เลยตัดสินใจเดินอันนี้ ไหนๆ ก็มาละ ปรากฎว่าเหนื่อยมากๆๆๆๆ ถึงว่าทำไมมี teahouse อยู่ข้างบน 555 ไม่มีไรกินตอนเดินถึง คงเป็นลมตาย

Mirror Lake น้ำน้อยเชียวDSC_7237

น้ำตกระหว่างทาง นำ้มาจาก lake AgnesDSC_7251

Teahouse นี้สร้างตั้งแต่ 1901 แต่ถูกปรับปรุงใหม่เมื่อปี 1981 ของกันค่อนข้างแพงหน่อย แต่เพราะความเหนื่อยยังไงก็ต้องกิน ไม่งั้นลงไม่ไหว

DSC_7279DSC_7295

นั่งติดฝนอยู่ข้างบน (ดีที่นั่งอยู่ในร้านแล้ว) แป๊บนึง กินน้ำชาและแซนวิชนิดหน่อยก็ไต่ลงมา Lake Louise ตอนเย็นสวยกว่าจริงๆ ล่ะ (ตามรูปด้านบน) จริงๆ ถ้าเดินรอบทะเลสาบไปอีกด้านจะเห็นวิว รร.เก่าแก่ ชื่อ The Fairmont Chateau Lake Louise กับ ทะเลสาบอยู่ด้านหน้า น่าจะสวยมาก แต่ตอนนั้นไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมาก เลยกลับดีกว่า

DSC_7291

จบวันที่สองที่ Banff ด้วยความฟินครับ มันสวยมากจริงๆ ถึงสภาพอากาศจะมีไม่เป็นใจบ้างก็ตาม

วันสุดท้ายของ Banff ครับ มีเวลา 2-3 ชั่วโมง เลยขับรถหาที่ดูวิวรอบๆ เมือง Banff แต่ฉุกละหุกนิดหน่อยเพราะไม่มีในแผน เลยไม่มีไอเดียและไม่ได้หาข้อมูลมาก่อน

Surprise corner viewpoint เป็นจุดชมวิวโรงแรม Fairmont Banff Springs Hotel และเห็น Sulphur Mountain อยู่เบี้องหลังและซูมดูยอดเขาลิบๆ จะเห็นสะพานไม้ของ Banff Gondola ที่เราไปมาวันก่อนอยู่ลิบๆ จากตรงจุดชมวิวนี้มี trail ให้เดินลงไปดู Bow river และน้ำตก Bow ได้ด้วยครับ น่าไปถ้ามีเวลา

DSC_7507DSC_7517

Lake Minnewanka เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นเรือหรือตกปลา สามารถขับรถชมวิวรอบทะเลสาบได้ ที่นี่เป็นที่เดียวที่อนุญาตให้ใช้เรือ motor boat ได้

มาเช้า ย้อนแสงเต็มๆDSC_7485

Vermilion Lakes ขับไปตาม Vermilion Lakes Road ซึ่งทางเข้าเป็นทางรถเล็กๆ ขับชมวิวไปเรื่อยๆ (เป็นทางจักรยานด้วย) ระยะทางไม่ไกลนัก น่าจะประมาณ 4 กิโลได้ จุดนี้สามารถมองเห็น Mt. Rundle ได้ และเขาบอกอาจเจอ Elk ระหว่างทางได้ ต้องขับอย่างระวัง ซึ่งบริเวณนี้ซักช่วงนึง (ไม่แน่ใจฤดูไหน) เขาจะปิดถนนเพราะเป็นที่คลอดลูกของ Elk ซึ่งอาจดุร้ายช่วงนั้น

DSC_7544-2

Episode ถัดไปจะเป็นอีกส่วนหนึ่งของ Canadian Rockies คือ Jasper National Park สถานที่เที่ยวไม่เยอะเท่า Banff แต่รับรองสวยตะลึงไม่แพ้กันครับ

 

จบละครับภาคแรกที่ Banff ความสวยงามที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทำเอาประทับใจไม่รู้ลืม จนมาถึงตอนนี้ผ่านมาจะสองปีแล้ว ก็ยังประทับใจอยู่เลย ~ ออกจะยาวซักหน่อย แต่ก็ไม่เบื่อครับ (คนเขียนไม่เบื่อ แต่คนอ่านอาจจะเบื่อ 555) ~ 

DSC_7058

 

 

 

 

About Breathe My World 68 Articles
A man who love travelling the world.

5 Comments

  1. ขอบคุณนะคะสำหรับรีวิวสถานที่เที่ยว….ขอคารวะว่า “นี่คือสุดยอดของรีวิว” ค่ะ….จะพยายามติดตาม

  2. ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะอ่านแล้วได้ประโยชน์มากๆเลย เรากำลังจะไปเที่ยวแคนาดาเดือนหน้านี้^^

1 Trackback / Pingback

  1. Heaven on Earth Ep.2 ~ Jasper National Park – Breathe My World

Comments are closed.