สวัสดีปีใหม่มหานครลอนดอน
หลังจากหายไปร่วมเดือน มาต่อกันจากกระทู้ที่แล้วที่พาเที่ยวรอบๆ ลอนดอน คราวนี้พาเข้าสู่ความโกลาหลของมหานครแห่งหนึ่งของโลกครับ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
แผนการเดินทาง
รีวิวนี้จะแบ่งเป็น 3 ตอนครับ ไม่เรียงตามวันที่ไปจริง (ตามแผนที่ด้านบน) แต่จัดกลุ่มให้มันเข้าพวกกันครับ
1. เส้นทางย้อนอดีตรอบลอนดอน คือ Stonehenge, เมือง Bath, Oxford และ Windsor >>> คลิ๊กลิงค์เลยครับ
2. เส้นทางสายโรแมนติค “Cotswolds” >>> คลิ๊กลิงค์เลยครับ
3. เส้นทางสู่มหานครลอนดอน และแสงสีวันส่งท้ายปี
สารบัญ
London
มหานครที่มีผู้คนมากมายใฝ่ฝันจะมาเยี่ยมเยือนคงหนีไม่พ้น “ลอนดอน” ซึ่งถือเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญเมืองหนึ่งของโลก โดยส่วนตัวปกติไม่ชอบเที่ยวเมืองใหญ่มากนัก เพราะทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวจะเยอะมากๆ และให้ความรู้สึกว่าแย่งกันกินแย่งกันเที่ยว ความคิดนี้ได้มาจากตอนไปนิวยอร์ค มหานครในฝันอีกแห่งหนึ่ง…ที่ทำให้ภาพที่วาดฝันไว้ล่มสลายโดยสิ้นเชิง 555 แต่หลายคนก็ชอบนะครับเพราะมันมีเสน่ห์อีกมากมาย
ลอนดอนมีที่เที่ยวมากมายครับ เดินเที่ยวกันเป็นอาทิตย์ก็ไม่ทั่ว ตอนแรกที่จัดโปรแกรมให้อยู่ลอนดอน 4 วัน ยังคิดอยู่ว่าจะอยู่ทำอะไรนานขนาดนั้น แต่เอาเข้าจริงๆ 4 วันนี่ยังเที่ยวได้แค่เผินๆ ภายนอกเองครับ น่าเสียดายมากๆ เพราะทั้งพิพิธภัณฑ์ต่างๆ หรือภายในสถานที่สำคัญต่างๆ ก็ไม่มีเวลาได้เข้าเลย แต่อาจเป็นเพราะ….
- มาช่วงฤดูหนาว มืดเร็ว ทำให้ต้องเร่งทำเวลาไปที่ต่างๆ ไม่งั้นก็มืดก่อน
- ช่วงปีใหม่ซึ่งคนเยอะมากๆๆๆ ต่อแถวกันยาวเป็นกิโล กว่าจะเข้าได้แต่ละที่ต้องยืนรอกันเป็นชั่วโมง โดยเฉพาะ London Pass แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย (เรื่องเวลา) เพราะที่ส่วนใหญ่ไม่มีระบบ fast track แต่ก็ดีตรงไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋ว
- โปรแกรมบางวันเอาจริงๆ ก็เที่ยวไม่เต็มวันครับ แบ่งเวลาให้คุณแม่บ้านได้ shopping บ้าง 555
ดังนั้นกระทู้นี้ จะไม่มีพิพิธภัณฑ์เลยนะครับ
โปรแกรมคร่าวๆ
สถานที่ที่ได้ไป คือ ตามจุดสีแดงเหลืองในแผนที่เลยครับ ซึ่งทั้งหมดที่ไปจะอยู่ในลอนดอนโซน 1 และ 2 สามารถเดินทางได้สะดวกโดยรถใต้ดิน (Tube) และใช้ Oyster card ที่ได้เกริ่นไปในตอนที่ 1 แล้วครับ
วันที่ 1 : Millenium Bridge – St. Paul’s Cathedral – The Monument of the Great Fire of London – Tower of London
* จริงๆ วันนี้มีแผนไปอีกหลายที่ครับ แต่หมอกลงจัดมาก และต่อคิวใน Tower of London นานมาก เลยไม่ได้เดินเลียบแม่น้ำอีกฝั่งเพื่อไป HMS Belfast และ London Bridge Experience เลย
วันที่ 2 : Big Ben – London Eye – Westminster Abbey – Buckingham Palace – Tower Bridge – Covent Garden – City Cruise
* วันนี้ซื้อตั๋วขึ้น London Eye ไว้สองรอบครับ (Day and night ticket) เพราะราคาแพงกว่าขึ้นรอบเดียวแค่ 4 ปอนด์ และจะได้เห็นวิวเมืองกลางคืนด้วย แต่ตอนเย็นเดินกลับมาคนเยอะมากและสภาพร่างกายทรุดโทรมเพราะเหนื่อยมาก (ตามอายุ) เลยตัดใจครับ กลับที่พักนอนดีกว่า
วันที่ 3 : Windsor Castle – Trafalgar Square – Shopping street – Kingcross station
วันที่ 4 : Portobello Market – Shopping street – ช่วงเย็นรอ countdown ใกล้ๆ London Eye
Millenium Bridge
เป็นสะพานคนเดินข้ามแม่น้ำ Thames เปิดใช้งานเมื่อเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.2000 สะพานนี้อยู่ใกล้ๆ กับ St. Paul’s Cathedral และใช้เป็นฉากหนึ่งในเรื่อง Harry Potter
St. Paul’s Cathedral
เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอังกฤษ รองจาก Liverpool Cathedral ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 36 ปีและเสร็จในปี ค.ศ. 1711 โบสถ์นี้มีโดมขนาดใหญ่เด่นสะดุดตาหนักถึง 66,000 ตัน สามารถปีนบันได 560 ขั้นเพื่อขึ้นไปบนยอดโดมชมวิวกรุงลอนดอนในมุมสูงได้
ขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้า เดินมาก็จะเห็นวิวเมืองรอบๆ โบสถ์
ตอนแรกจะเข้าในโบสถ์และปีนขึ้นไปบนโดมครับ เพราะคิดว่า London Pass สามารถเข้าได้ฟรี แต่ปัจจุบันใช้ไม่ได้แล้วครับ ร่วมกับเวลาที่มีไม่มากเลยตัดสินใจไม่เข้าดีกว่า เสียดายอยู่เหมือนกัน
The Monument of the Great Fire of London
มีความสูงประมาณ 62 เมตร สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของการเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงลอนดอนในปี 1666 สร้างขึ้นในช่วงปี 1971-1977 สามารถปีนบันไดขึ้นไปชมวิวเมืองบนยอดได้ครับ (4 ปอนด์ – ใช้ London Pass ได้) มีบันไดทั้งหมดประมาณ 311 ขั้น
Big Ben
พวกเราคงคุ้นเคยชื่อนี้กันมานาน ชื่อ Big Ben เป็นชื่อเรียกของระฆังในหอนาฬิกา Elizabeth Tower ของ Palace of Westminster (Houses of Parliament) ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของกรุงลอนดอนไปแล้ว สูงประมาณ 96 เมตร ภายในจะมีระฆังทั้งหมด 5 ใบ โดย 4 ใบจะลั่นระฆังทุก 25 นาที และ Big Ben (the Great Bell) จะลั่นระฆังทุก 1 ชั่วโมง ที่ Houses of Paliament นี้ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อทัวร์เข้าชมได้ครับ (เข้าเองไม่ได้) โดยเปิดเฉพาะบางวันเท่านั้น ส่วนของ Elizabeth Tower และ Great Bell จะถูกซ่อมแซมปรับปรุงในปี 2017 ครับ เช็คข้อมูลได้ในเวบ ครับ
นาฬิกาบน Elizabeth Tower ออกแบบโดย Augustus Pugin มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 เมตร
ใต้นาฬิกาจะมีตัวหนังสือที่เขียนไว้ในภาษาละตินที่มีความหมายว่า “O Lord, keep safe our Queen Victoria the First”
Westminster Abbey
เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ. 616 และมีการเปลี่ยนแปลงซ่อมแซมหลายครั้ง หอคอยทั้งสองด้านสร้างขึ้นในช่วงปี 1722-1745 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Gothic ใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกและเป็นที่ฝังพระบรมศพของพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ภายในเข้าชมได้ครับ (แถวยาวมากเช่นกัน เลย…อดเหมือนเดิม) ค่าเข้าชม 20 ปอนด์ London Pass เข้าฟรีครับ
London Eye
เป็นชิงช้าสรรค์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Thames ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองปี millenium (ค.ศ. 2000) โดยสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1999และถูกเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง ใช้เวลาสร้างประมาณปีครึ่ง สูง 135 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 120 เมตร ขึ้นรอบนึงก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงครับ เห็นวิวกรุงลอนดอน 360 องศา
มีตั๋วให้ขึ้นชมหลายแบบครับ ทั้งแบบปกติ (ระบุวันและเวลา) แบบยืดหยุ่น (ไม่ระบุเวลา) แบบขึ้นกลางวันและกลางคืน (ราคาแพงกว่าแบบปกตินิดเดียว) ฯลฯ ถ้า ซื้อออนไลน์ไปก่อน ก็ไม่ต้องต่อแถวครับ ราคาจะถูกกว่านิดหน่อย
HMS Belfast
เป็นเรือรบที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จอดให้เข้าชมภายในได้ ที่นี่ London Pass เข้าได้ฟรีครับ (ราคาตั๋วปกติ 16 ปอนด์) แต่ไม่ได้เข้าครับ
St. James’ Park
เป็นสวนสาธาณะที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงลอนดอน ใกล้ๆ กับ Buckingham Palace, St. James’ Palace และ Horse Guards
วิวจาก Blue Bridge มองไปเห็น Duck Island และ Swire Fountain โดยมี Horse Guards อยู่เบื้องหลัง
Buckingham Palace
เป็นพระราชวังที่เป็นที่พำนักและเป็นที่จัดพิธีการสำคัญๆ ของอังกฤษ นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ก็เพื่อดูการเดินแถวเปลี่ยนเวรยาม (changing of the guard) ซึ่งจัดขึ้นเกือบทุกวันในเวลา 11.30 น. คนเยอะมากครับ แทบจะไหลตามกันก็ว่าได้ ความเห็นส่วนตัว มาที่นี่ถ่ายรูปพระราชวังสวยๆ ช่วงคนน้อยๆ ดีกว่าครับ 555 ยังมีอีกที่ครับที่สามารถดูการเปลี่ยนเวรยามได้ เช่นที่ House Guards ครับ ใกล้ๆ กับพระราชวังมี the Queen’s Gallery ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงสิ่งของและงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระราชวงศ์
Queen Victoria Memorial ด้านหน้าของพระราชวัง
Tower of London
หรือชื่อเต็มๆ ว่า Her Majesty’s Royal Palance and Fortress of the Tower of London ซึ่งตั้งอยู่บน Tower Hill เป็นพระราชวังและป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1078 ถูกครอบครองและปรับปรุงมาหลายยุคหลายสมัย ทำให้มีสิ่งก่อสร้างมากมายภายใน Tower of London นี้ ซึ่งใช้เป็นป้อมปราการ พระราชวัง ที่คุมขังนักโทษชั้นสูง ที่ประหารชีวิตและทรมานนักโทษ คลังเก็บอาวุธ สวนสัตว์ ฯลฯ สามารถใช้ London Pass เข้าได้ฟรีครับ (ราคาตั๋วปกติ 24.5 ปอนด์)
Torture at the Tower และ Bloody Tower อยู่ด้านหน้าตรงบริเวณทางเข้าพอดี เป็นส่วนจัดแสดงประวัติอันเร้นลับของสถานที่แห่งนี้ และแสดงเครื่องมือทรมานนักโทษในสมัยนั้น
The White Tower เป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของที่นี่ เป็นตึกสีขาวตรงกลางในแผนที่ด้านบนครับ ปัจจุบันเป็นที่จัดแสดง
The Crown Jewels จัดแสดงในตึกที่อยุ่ด้านหลังของ White Tower คนรอยาวเป็นกิโล เลยไม่ได้เข้าครับ เพราะเย็นมากแล้ว
ส่วนอื่นๆ และบรรยากาศโดยรอบ
Tower Bridge
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ Thames ที่มีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของกรุงลอนดอน ประกอบด้วยหอคอย 2 หอที่อยู่คนละฝั่งของแม่น้ำ มีทางรถวิ่งและคนเดินด้านล่าง และมีทางเดินเชื่อมที่ด้านบนของหอคอยใช้เป็นที่ชมวิวสูง 42 เมตรและแสดงพิพิธภัณฑ์ “Great Bridges of the World” และ “This is London” ที่นี่สามารถใช้ London Pass เข้าได้ฟรีครับ (ราคาตั๋วปกติ 9 ปอนด์)
วันแรกที่แวะไปหมอกลงจัดมาก แทบไม่เห็นยอดของ Tower เลย
เลยกลับ และเสี่ยงดวงแวะมาอีกครั้งวันรุ่งขึ้น โชคดีฟ้าโปร่งครับ (ซึ่งเป็นวันเดียวใน 4 วันที่อยู่ในลอนดอน นอกนั้นหมอกลงทุกวันเลย)
เรื่องราวสะพานที่จัดแสดงบน Tower และวิวโดยรอบของลอนดอน
London Bridge
ใกล้ๆ กับสะพานมีที่ให้เข้าชม London Bridge Experience (London Pass เข้าฟรี ราคาตั๋วปกติ 23 ปอนด์) ซึ่งเป็นการแสดงเรื่องราวน่ากลัวและตื่นเต้นของประวัติศาสตร์ลอนดอน ที่นี่อยากเข้ามากครับ แต่…อดเหมือนเดิม
City Cruise
เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจครับ ได้เห็นวิวเมืองจากแม่น้ำ Thames โดยเฉพาะถ้าเลือกรอบเรือช่วงพระอาทิตย์ตก จะได้เห็นแสงสีของเมือง ตื่นตาตื่นใจทีเดียวครับ ราคาไม่แพง และถ้ามี London Pass ก็ขึ้นฟรีครับ
เช็ครอบเรือและท่าเรือได้ ที่นี่ ครับ ผมเริ่มขึ้นที่ Tower Pier จริงๆ ที่ Greenwich นี่ก็มีอะไรให้เที่ยวเยอะนะครับ ถ้ามีเวลาน่าจะนั่งไปถึงด้วย
Christmas Market
มายุโรปช่วงปีใหม่ ต้องไม่พลาด Christmas Market ครับ มีเกือบทุกเมือง ที่ลอนดอนก็มีงานใหญ่อยู่ที่ Hyde Park คือ Winter Wonderland ครับ แต่ผมไม่ได้แวะไป แวะแค่ตลาดตรง Leicester Square ที่เดียว
Covent Garden
เป็นตลาดที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน มีร้านขายของ ร้านอาหารมากมายครับ
Kingcross station
เป็นสถานี Tube ที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายชอบมากัน เพราะจะมาถ่ายรูปกับสถานีรถไฟ 9 3/4 คิวยาวทีเดียวครับ
Trafalgar Square
เป็นจตุรัสที่อยู่กลางลอนดอน มีแท่งหิน เรียกว่า Nelson’s Column อยู่ตรงกลางจัตุรัสสูง 51.6 เมตร โดยที่ส่วนยอดของแท่งหินเป็นรูปปั้นของ Lord Nelson ผู้ซึ่งเสียชีวิตในสงคราม Trafalgar ในปี 1805
นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่มักจะมาถ่ายรูป ปีนป่ายเจ้าสิงโตที่อยู่ใกล้ๆ กัน แต่ช่วงที่ไปปิดซ่อมพอดีครับ เลยดูได้แค่ห่างๆ
Portobello Market
เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนครับ ในแต่ละวันของขายจะแตกต่างกัน ลองเช็คดูในเวบครับ แต่วันที่น่าเดินที่สุดเห็นจะเป็นวันเสาร์ครับ ขายเกือบทุกอย่าง เดินเพลินมากครับ แนะนำให้มาเลยครับ
เช็ควันเวลาของตลาดได้จาก เวบไซด์ เลยครับ
Shopping street and city light
ตั้งแตบริเวณ Piccadilly Circus, Oxford street และ Regent street เป็นถนนสายช้อปปิ้งของกรุงลอนดอน ช่วงสิ้นปี จะมีการประดับประดาไฟอย่างสวยงามครับ ร้านค้าก็คึกคักมาก คนเยอะมากจนร้านปิดเลยทีเดียว
อาหารการกิน
มีหลายอย่างที่เขาว่ามาลอนดอนต้องมากิน อาทิเช่น….
เป็ดย่าง Four Season ซึ่งมีหลายสาขามาก ผมแวะมากินที่ China Town
Fish and ship
ไก่ร้าน Nando’s
ฯลฯ ไม่ต้องแปลกใจที่เก็บได้แค่ 3 ร้านครับ 555 เพราะไม่ค่อยเน้นกิน บางทีก็เหนื่อยจนเกินกว่าจะนั่งรถไฟไปตามหาร้านที่เขาแนะนำกัน เช่น Duck and Waffle (อันนี้ตั้งใจจะไป แต่จองโต๊ะล่วงหน้าไม่ทันครับ เต็มเร็วมาก), Burger and Lobster เป็นต้นครับ
Countdown
ผมจองล่วงหน้าตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้จองครับ คือ 1 ตุลาคม เพื่อให้ได้ area ที่อยู่ตรงข้ามกับ London Eye พอดี คือ Blue area ราคาคนละ 10 ปอนด์ ติดตามรายละเอียดได้ที่เวบ http://london.gov.uk เมื่อซื้อแล้วให้ print voucher ไปรับตั๋วที่บริเวณ Talfagar square ด้วยนะครับ เขาจะแจ้งสถานที่และช่วงเวลารับตั๋วมาในอีเมลครับ
ผมไปรอที่ทางเข้าของ Blue area ประมาณ 5 โมงเย็น นั่งๆ ยืนๆ กินน้ำ กินแซนวิชไปพลางๆ จนประมาณทุ่มนึงก็เปิดให้เข้าไปจับจองที่กันครับ ถ้าอยากได้ที่หน้าๆ คงต้องมาประมาณนี้ครับ
เรื่องห้องน้ำ…มีให้ครับ แต่ถ้าอยู่หน้าหน่อย ตอนคนเยอะๆ จะแทรกตัวออกมาลำบาก และถึงแทรกออกมาได้ ก็คงกลับเข้าไปไม่ได้ ดังนั้น…ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ 555 ถึงจะรู้สึกแปลกๆ หน่อย แต่ก็ปลอดภัยดีครับ ผมก็ใส่ แต่สรุปไม่ได้ใช้ เพราะกินน้ำน้อยหน่อย เลยไม่ปวด
ช่วงระหว่างรอ มีดีเจเปิดเพลงให้ฟังตลอดครับ แต่ไม่มีการแสดงใดๆ มารยาทอีกอย่างที่ควรทำ ถ้าไปรอ countdown คือไม่ควรนั่ง ไม่ควรเอาเก้าอี้ไปนั่งด้วยครับ (มีระบุไว้ในเวบด้วย) เพราะคนเยอะ ยืนเบียดกัน ถ้านั่งจะสร้างความรำคาญให้คนอื่นครับ…ที่รู้ว่ารำคาญ เพราะเด็กจีนกลุ่มหนึ่งอยู่แถวหน้า นั่งเหยียดขา เล่นไพ่ น่ารำคาญมาก
รอไปกว่า 5 ชั่วโมงในที่สุดก็ได้เวลาแล้ว…
เนื่องจากคนเยอะมาก เลยไม่สามารถใช้ขาตั้งกล้องได้ครับ เลยได้รูปมาแบบที่เห็น ของจริงนี่ เป็น 10 กว่านาทีที่ยิ่งใหญ่ตระการตามากครับ
ปิดท้ายทริปอังกฤษด้วยความประทับใจมากครับ ขากลับโรงแรม แถวคนขึ้น Tube นี่ยาวหลายกิโลเลยครับ คืนนั้นเขาเปิดให้ขึ้นฟรีครับ เห็นบอกว่า ถึงคนจะเยอะ แต่การจัดการเร็วมาก แต่เพื่อความสะดวก ผมจองโรงแรมใกล้ๆ เลยสามารถเดินกลับได้ ไม่ต้องรอ Tube
ยังมีอีกหลายที่นะครับที่ไม่ได้ไปและเสียดายครับ เช่น
- พิพิธภัณฑ์ทั้งหลายซึ่งส่วนใหญ่เข้าฟรีครับ เช่น British Museum, Natural History Museum, National Gallery เป็นต้นครับ
- Shakespeare’s Globe Theatre
- Greenwich
- ฯลฯ
ถ้ามีเวลากันอย่าลืมแวะไปกันนะครับ
.