เมืองใกล้ๆ Yufuin ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวไม่แพ้กัน ก็คือ Beppu เมืองแห่งบ่อน้ำร้อน (หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “บ่อนรก”) มาที่นี่จะได้ทั้งแช่ออนเซ็น อบทรายอุ่นๆ ริมชายหาดและเดินเที่ยวดูบ่อน้ำร้อนหลายรูปแบบให้อารมณ์เหมือน Yellowstone จิ๋วเลยครับ เพราะมีทั้งบ่อน้ำร้อนหลากสีสันและน้ำพุร้อนขนาดเล็กที่ทำนายเวลาปะทุได้
ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของทริป Northern Kyushu ครับ ขอข้าม Fukuoka กับ Kumamoto ไปเพราะคนไปกันเยอะแล้ว หาอ่านรีวิวต่างๆ กันได้ง่าย นอกจาก 6 เมืองที่ผมได้ไปนี้ ก็ยังมีอีกหลายเมืองที่น่าสนใจนะครับ ทั้ง Saga, Huis ten bosch, Oita ฯลฯ ซึ่งดูมีลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างๆ กันด้วย
สารบัญ
Beppu
เบบปุ นี้สามารถเดินทางมาที่นี่ได้ทั้งโดยรถยนต์และรถไฟ สะดวกมากครับ บ่อน้ำร้อนเป็นที่เที่ยวหลักของที่นี่ ซึ่งมีทั้งหมด 8 บ่อหลักๆ
- ย่าน Kannawa มีทั้งหมด 6 บ่ออยู่ใกล้ๆ กันสามารถเดินถึงกันได้ (เบอร์ 1-6 ในรูปด้านล่าง)
- ย่าน Shibaseki มี 2 บ่อ (เบอร์ 7-8) ห่างจากย่าน Kannawa ประมาณ 2 กิโลเมตร สามารถนั่งรถเมล์มาได้ เดินทางสะดวกมากครับ
ถ้าจะเข้าครบทั้งหมดเลย แนะนำซื้อ Pass เข้าบ่อน้ำร้อนและ Pass รถเมล์ที่เคาน์เตอร์ Information แถวสถานีรถไฟก่อนครับ ราคารวม 2,700 เยน
ก่อนออกเดินทางมาทำความรู้จักกับคุณลุงคนสำคัญของ Beppu ก่อนครับ คุณลุงมีชื่อว่า Kumahachi Aburaya (Shiny Uncle) แกเป็นคนริเริ่มความคิดสร้างเมืองนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยการพัฒนาบ่อน้ำร้อนต่างๆ เหล่านี้ให้มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ทำให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีรูปปั้นของคุณลุงอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟครับ
ผมหาอยู่สักพักหาไม่เจอ จนไปเตะตาอาคารนึงด้านหน้า ปรากฎว่าเขาดันสร้างอาคารชั่วคราวครอบคุณลุงไว้เป็น Art exhibition อะไรซักอย่าง เลยได้เข้าไปเยี่ยมคุณลุงในบ้านแทน
จากนั้นต้องนั่งรถเมล์จากสถานีรถไฟไปลงที่ป้าย Umijigoku แล้วเริ่มตะลุยบ่อแรกในย่าน Kannawa กันเลยครับ
(บ่อ 1) Umi Jigoku (Sea hell)
“บ่อทะเลเดือด” มีบริเวณให้เดินเล่นรอบๆ ค่อนข้างกว้างครับ น้ำมีสีฟ้า
(บ่อ 2) Oniishibozu Jigoku
“บ่อโคลนเดือด” โคลนปุดๆ ขึ้นมาเป็นวงๆ
หลายๆ บ่อ จะมีโซนให้แช่เท้าด้วยครับ (อย่าลืมเอาผ้าขนหนูมาเองด้วยครับ ไม่งั้นถ้าจะแช่คงต้องซื้อ)
(บ่อ 3) Yama Jigoku (Mountain hell)
“บ่อหุบเขานรก” ผมหาบ่อไม่เจอ แหะ แหะ 🙁 จริงๆ ดูแผนที่แล้ว จากบ่อโคลนแค่เดินข้ามฝั่งถนนมาก็น่าจะเจอ แต่ผมหาไม่เจอ เลยไม่ได้ดูครับ หารูปจากอินเตอร์เน็ตมาให้ดูกัน เขาเลี้ยงฮิปโป นกฟลามิงโก ให้ได้ชมกันด้วยครับ
(บ่อ 4) Kamado Jigoku (Cooking pot hell หรือ Oven hell)
“บ่อนรกกระทะทองแดง” แต่ที่ชื่อว่า Oven hell เพราะสมัยก่อนที่นี่เขาเป็นที่ใช้ทำอาหาร มียักษ์ตัวสีแดงหน้าตาโกรธเกรี้ยวเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ (ไม่รู้ไปโกรธใครมา…)
(บ่อ 5) Oniyama Jigoku (Devil’s mountain hell)
“บ่อนรกหุบเขาปิศาจ” บ่อนี้ควันเยอะมาก
มีเลี้ยงจระเข้ด้วย (ไม่ได้เลี้ยงในบ่อน้ำร้อนนะครับ เป็นบ่อข้างๆ ไม่งั้นคงเป็นจระเข้ต้มแน่ๆ)
มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ให้เดินดูด้วย
(บ่อ 6) Shiraike Jigoku (White pond hell)
“บ่อนรกสีขาว” เขาบอกน้ำจะมีสีขาวเป็นน้ำนม แต่สีอาจเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงวันหรือฤดูกาลต่างๆ ช่วงที่ไปน้ำเป็นสีฟ้าออกเขียว สวยไปอีกแบบครับ เขาตกแต่งมีสวนญี่ปุ่นรอบๆ ด้วย
จากบ่อที่ 6 นี้ ก็ขึ้นรถเมล์ต่อไปยังบ่อที่ 7 และ 8 ในย่าน Shibaseki กันต่อครับ
(บ่อ 7) Chinoike Jigoku (Blood pond hell)
“บ่อนรกสีเลือด” น้ำมีสีออกแดงคล้ายเลือดจากส่วนประกอบของเหล็กในน้ำ
(บ่อ 8) Tatsumaki Jigoku (Spout water hell)
“น้ำพุนรก” บ่อนี้มีการปะทุของน้ำพุร้อนด้วย ซึ่งทำนายเวลาได้แน่นอน คือจะปะทุทุก 30-40 นาทีครับ คล้ายๆ Old Faithful Geyser อันยิ่งใหญ่ของ Yellowstone แต่อันนี้เตี้ยๆ ครับ
[wpvideo ADK9ec8h]
ถ้ามีเวลาแนะนำไปให้ครบทุกบ่อครับ ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงก็ครบ แต่ถ้าไม่มีเวลา ไม่ซื้อพาส แนะนำไปย่าน Kannawa เดินเที่ยวบ่อที่ 1, 2 และ 4 ครับ
กิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ
มาที่นี่ไม่ควรพลาดการแช่ออนเซ็นครับ เพราะขึ้นชื่อว่าเมืองบ่อน้ำร้อน ก็ต้องมีออนเซ็นที่มีชื่อเสียงอยู่ แต่นอกจากออนเซ็นแล้ว มีอีกกิจกรรมที่น่าสนใจคือ การอบทรายร้อน (sand bath) ริมทะเล ทั้ง 2 อย่างนี้ผมไม่ได้ทำเลยครับเพราะเวลาน้อยแล้วก็ไม่ได้พักที่เมืองนี้ด้วย เสียดายอยู่เหมือนกัน
ถ้ามีโอกาสอย่าพลาดครับ พักที่เมืองนี้ซักคืน คงสบายตัวสุดๆ
เมืองนี้เป็นตัวอย่างของเมืองที่พัฒนาทรัพยากรที่เป็นจุดเด่นของเมืองให้มาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศได้อย่างน่าสนใจ มีการบริหารจัดการที่ดี รับรองมาแล้วไม่ผิดหวังครับ
ดีมาเลยครับได้ความรู้ที่จะไปและบรรยายดีมากครับ ขอบคุณครับ รวมทั้งเรื่องอื่นที่รีเลทกันดีมากครับ
ขอบคุณครับ ^^
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ รีวิวเข้าใจง่ายมากค่ะ
ขอบคุณครับ