ฝรั่งเศสเมืองรอง 2018: Strasbourg

ช่วยไลค์ช่วยแชร์ครับ

Strasbourg (สทราซบวร์ค) เป็นเมืองหลวงของแคว้น Alsace (อัลซาส) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส หลายคนคงเคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่อีกหลายคน (อย่างผม) ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แล้วมีอะไรดึงดูดให้มากันแน่…มาหาคำตอบกันเลยครับ

 

กระทู้เมืองรองอื่นๆ

Colmar >>> คลิ๊ก!

Mont Saint-Michel >>> คลิ๊ก!

 

 

ทำไมต้องมา “Alsace”

หลีกหนีความวุ่นวายของความเป็น “เมืองใหญ่” อย่างปารีส

ถึงที่นี่จะเป็นเมืองหลวงแต่ไม่วุ่นวายไม่เลอะเทอะเหมือนปารีส ถึงจะมีโซนที่มีสิ่งก่อสร้างแบบทันสมัยอยู่ มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านใจกลางเมือง แต่ก็มีกลิ่นอายของความเป็นเมืองเก่าอยู่มากทีเดียว

หลีกหนีภัยโจรในเมืองใหญ่

ฝรั่งเศสโดยเฉพาะปารีสนี่ก็เป็นอีกเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการโจรกรรมทุกรูปแบบ ทั้งแบบเนียนๆ หรือขู่กรรโชกเอาแบบดื้อๆ แต่มาที่นี่แล้วรู้สึกปลอดภัย (กว่า) อย่างบอกไม่ถูก แต่!! ใช่ว่าที่นี่จะไม่มีนะครับ ยังต้องระวังตัวกันอยู่ดีแต่พบน้อยกว่ามาก

เดินชิลเดินเพลินต้องแถบนี้

ใน Alsace นี้มีหลายเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีหมู่บ้านที่ “สวยที่สุด” ในฝรั่งเศส แต่เอาจริงๆ อ่านไปอ่านมาก็งงว่าอันไหนมันสวยที่สุดกันแน่เพราะเห็นบอกว่าสวยที่สุดกันทุกเมือง (ฮา) แต่ยังไงก็ช่างครับ มันสวยทุกเมืองจริงๆ เพราะอาคารบ้านเรือนมีเอกลักษณ์คล้ายๆ กัน เรียกกันว่าเป็นแบบ half-timbered house เขาสร้างโครงของผนังด้วยไม้แล้วก่อช่องว่างระหว่างกรอบด้วยปูน (จริงๆ เพื่อประหยัดไม้) แล้วก็ทาสีสันต่างๆ สวยงามสะดุดตา อาคารบ้านเรือนแบบนี้พบเห็นได้เยอะในเยอรมัน ฝรั่งเศสและอังกฤษ แต่เห็นจะเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมในแคว้น Alsace ไปแล้ว

Half-timbered house

เส้นทางที่คนชอบไวน์ไม่ควรพลาด

ในแคว้นนี้ถือว่าเป็นเส้นทางชิมไวน์ที่มีชื่อเสียงและไม่น่าพลาดอีกที่นึงเลย (แต่ผมขอบายเพราะไม่ดื่ม) ถ้าใครสนใจลองไปดู ตามลิงค์นี้ ได้เลยครับ

จะเดือนไหนฤดูไหนก็มาได้

ช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงปลายฤดูร้อน เมืองจะมีสีสันมาก เพราะนอกจากสีของบ้านเรือนแล้ว เขายังตกแต่งระเบียง หน้าต่าง และถนนหนทางด้วยดอกไม้หลากสีสัน สวยมากจริงๆ แต่ฤดูหนาวถึงแม้ใบไม้จะร่วงหมด แต่ช่วงเดือนธันวาคมนี่มีสีสันของตลาดคริสต์มาสเข้ามาแทนที่ เขาว่าเป็นตลาดคริสต์มาสที่น่ามาเดินที่สุดในโลกที่นึงเลยทีเดียวครับ ส่วนใหญ่แล้วตลาดคริสต์มาสมักจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงก่อนวันขึ้นปีใหม่ ถ้าจะวางแผนมาตรวจสอบกันในเว็บไซด์ของแต่ละเมืองกันดูก่อนครับ

 

 

ดูแล้วจุดหมายในแคว้นนี้มีหลายที่อยู่เหมือนกัน แต่รอบนี้ผมมาแบบไม่ขับรถกับมีเวลาแค่ 3 วัน เลยเที่ยวกันได้แค่ 2 เมืองที่เดินทางด้วยรถไฟได้สะดวกหน่อย นั่นก็คือ Strasbourg และ Colmar ส่วนเมืองเล็กๆ รายรอบ เช่น Ribeauville, Riquewihr, Eguisheim และ Obernai ก็มีรถบัสไปเหมือนกันซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ Colmar เป็นศูนย์กลาง แต่…ถึงจะอยู่ไม่ไกลจากกันนักแต่รอบรถบัสค่อนข้างน้อย ถ้าจะไปจริงๆ คงต้องเพิ่มเวลาอีก 1-2 วัน ถ้าขับรถก็จะสะดวกกว่ามาก

เมืองเล็กๆ น่าแวะใกล้กับ Colmar

 

 

Strasbourg

เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ Strasbourg

  • แคว้นนี้ติดกับเยอรมัน พวกสถาปัตยกรรมจึงมีความคล้ายคลึงกันมาก
  • ถึงเป็นเมืองหลวงของแคว้นแต่ก็ไม่ใหญ่เกินจะเดินเที่ยวครับ ที่เที่ยวหลักๆ นี่เดินถึงกันได้
  • ถ้าขี้เกียจเดิน ที่นี่เขาใช้จักรยานกันเยอะครับ มีให้เช่าด้วย มีเลนจักรยานปลอดภัยดี แต่เดินระวังนิดนึงครับ บางทีไม่ได้มองอาจโดนจักรยานเสยเอาได้
  • ร้านรวงปิดเร็วมาก ประมาณหกโมงนี่ก็ปิดกันเยอะแล้ว
  • ระวังเรื่องอาหารเย็นครับ หลายที่เปิดทุ่มนึง…แต่ปิดสามทุ่ม! ชะล่าใจนี่อาจไม่ได้กินครับ ซุปเปอร์ฯ ก็ปิดด้วย

แผนที่จุดเที่ยวหลักๆ

 

การเดินทางเที่ยวในเมืองมีหลายทางเลือก

  • เดิน เดิน เดิน เพลินครับ ไม่เหนื่อย
  • จักรยาน
  • รถสาธารณะ ดูทันสมัยสะอาดสะอ้านดี

  • รถไฟท่องเที่ยวชมเมือง

  • เรือไฟฟ้า รูปร่างทันสมัยมากล่องไปตามแม่น้ำ Ill ที่ไหลผ่านเมือง

ที่นี่สะพานค่อนข้างเตี้ย พอเรือจะผ่าน เขาจะปิดสะพานไม่ให้คนเดินและหมุนสะพานเพื่อเปิดทางให้เรือผ่านไปก่อน (รูปด้านล่าง)

Petite France

โซน Petite France หรือ Little France เป็นจุดไฮไลท์ของ Strasbourg เป็นโซนเมืองเก่าที่มีอาคารบ้านเรือนรูปทรงเก่าๆ สไตล์ half-timbered house อยู่เต็มไปหมด จุดที่ชมวิวงามๆ มักจะอยู่ตามสะพานต่างๆ ตามริมแม่น้ำตอนเย็นๆ ก็จะมีคนมานั่งเล่น บรรยากาศดีงามมาก

 

โบสถ์ Saint Thomas

 

จตุรัส Place Benjamin Zix

Place Kleber

เป็นจตุรัสกลางเมือง เป็นที่ๆ จัด Christmas Market อันโด่งดัง เขาว่ากันว่า Christmas Market ที่นี่สุดยอดเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรปเลย

Strasbourg Aubette

รูปสลักนาย Kleber

 

The Notre-Dame (Strasbourg Cathedral)

เป็นโบสถ์ประจำเมืองนี้ โบสถ์นี้เคยได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดในโลกในช่วงปี ค.ศ. 1647 ถึง 1874 ภายนอกตัวโบสถ์จะออกสีชมพูเพราะสร้างมาจากหินทราย (sandstone) ทำให้สวยงามแปลกตาไปจากโบสถ์อื่นๆ ผมว่าสวยวิจิตรงดงามกว่า Notre-Dame ของปารีสอีก

Rose Window ขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า (รูปบน) และมองจากด้านในเป็นกระจกสีโมเสค (รูปล่าง)

ด้านข้างของโบสถ์ก็เป็นจตุรัสเล็กๆ ให้คนมานั่งเล่นกันได้ อยู่ใกล้กับ Rohan Palace

โบสถ์ใหญ่มาก ถ่ายเก็บยังไงก็ไม่หมด

วงกบประตูและการตกแต่งออกจะคล้ายๆ Notre-Dame ของปารีสอยู่เนืองๆ

ภายในเข้าฟรีครับ สามารถขึ้นหอคอยชมวิวมุมสูงได้ (เสียค่าขึ้น)

ภายในโบสถ์ยังมี Astronomical clock อยู่ด้วย แต่ตอนไปเขาปิดบูรณะพอดี เลยอดดู รูปด้านล่างเอามาจาก Wiki ครับ

Palais Rohan (Rohan Palace)

พระราชวังโรฮัน เดิมเป็นที่พำนักของเจ้าชายในราชวงศ์โรฮัน ปัจจุบันถูกทำเป็นพิพิธภัณฑ์ 3 แห่ง คือ Archaeological museum, Museum of fine arts และ Museum of Decorative Arts  แสดงประวัติของแคว้น Alsace, งานเขียนภาพวาดต่างๆ รวมถึงสิ่งของตกแต่งเก่าๆ

ผมไม่ได้เข้าไปดูครับ แต่สามารถเดินเข้ามาด้านในถ่ายรูปรอบๆ ลานหน้าพิพิธภัณฑ์ได้

Pont Couverts

สะพานที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ เป็นเหมือนป้อมปราการในสมัยนั้น เป็นสะพานที่ทอดยาวผ่านหอคอยจำนวน 4 หอ

วิวจากสะพานว่าสวยแล้ว อย่าลืมเดินต่อไปยังสะพานที่เขาสร้างอาคารคลุมไว้ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ก็คือ Barrage Vaudan สามารถเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อมองวิวเมืองกลับมายัง Pont Couverts และเห็นวิวเมืองด้วยครับ

Barrage Vaudan

 

Getting around

เดินรอบๆ เมือง ไม่เบื่อเลย


Galeries Lafayette

ห้างดังแห่งปารีส ที่นี่ก็มีครับ เปิดไฟกลางคืนสวยเชียว

โบสถ์ Saint Paul

Palais du Rhin

 

ใกล้ๆ กันมีห้องสมุดของมหาวิทยาลัย

 


มาที่นี่อย่าลืมแวะค้างซักคืนนึงนะครับ มีอะไรให้ดูเยอะมาก รับรองไม่เบื่อแน่นอน

 

 

About Breathe My World 68 Articles
A man who love travelling the world.